https://www.matichon.co.th/wp-content/uploads/2020/05/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5.jpg

ก.ล.ต.อนุมัติแล้ว “SCGP” เตรียมขายหุ้น IPO เข้าเทรดตลท. มองโอกาสดีโควิดคลี่คลาย

by

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 (COVID-19) เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงในบางประเทศ และเริ่มเห็นการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจกรรมต่างๆได้อีกครั้ง โดยประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะค่อยๆปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม SCGP ยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างใกล้ชิด หลังจากที่ภาคธุรกิจเริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2563 ของ SCGP รายได้จากการขายยังคงมีอัตราเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าท่ามกลางปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโรคCOVID-19 โดยมีรายได้จากการขาย 24,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการซื้อสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ในประเทศไทย ประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซียที่ขยายตัวได้ดี อีกทั้ง SCGP ยังสามารถขายสินค้าและบริการได้ตอบโจทย์และทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจากพฤติกรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรี่และการซื้อสินค้าออนไลน์ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นด้านสุขอนามัยในการผลิตและการขนส่งบรรจุภัณฑ์ ซึ่งลูกค้าให้ความใส่ใจอย่างมากในสถานการณ์นี้

นอกจากนี้ SCGP ได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของการส่งออกและการควบรวมกิจการของ PT Fajar Surya WisesaTbk และบริษัทวีซี่ แพ็คเกจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ด้วย ทั้งนี้ SCGP ได้วางแผนบริหารจัดการทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารซัพพลายเชน จึงสามารถรับมือผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

สำหรับการขยายกิจการในปีนี้ SCGP อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าซึ้อหุ้นข้างมากของ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (หรือ “SOVI”) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในด้านบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำจากเยื่อและกระดาษในประเทศเวียดนาม ธุรกรรมนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของ SCGP ให้มากยิ่งขึ้นด้วยการบูรณาการธุรกิจในภูมิภาคและขยายฐานลูกค้าที่เชื่อมโยงถึงผู้บริโภคซึ่งมีการเจริญเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

นายวิชาญ กล่าวว่า SCGP มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยมีฐานลูกค้าจากหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ อีคอมเมิร์ซ รวมถึงมีฐานการผลิตในหลายประเทศของภูมิภาคอาเซียน จึงสามารถบริหารความเสี่ยงในช่วงที่มีวิกฤตเศรษฐกิจได้ดี

ส่วนความคืบหน้าการนำหุ้นของ SCGP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ปัจจุบัน SCGP ได้รับอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม โดยขณะนี้ SCGP ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายได้มีการเตรียมความพร้อมและอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ต่างๆ ร่วมกัน เช่น แนวโน้มเศรษฐกิจ ภาวะตลาดเงินตลาดทุน รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หากสถานการณ์โดยรวมมีความชัดเจนและเหมาะสม SCGP ก็พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้น IPO และนำหุ้นของ SCGP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)