"สธ."แจ้งอีก6เดือนเริ่มทดลอง ฉีดวัคซีน"โควิด-19"ในมนุษย์!
สธ.แจ้งศบค.คาดอีก 6 เดือนอย่างเร็วเริ่มทดลองฉีดวัคซีน“โควิด”ในคน ห่วงหลายกิจการ-ประชาชนการ์ดตก “บิ๊กตู่”สั่งทุกหน่วยเร่งหาข้อก.ม.ใช้เสริมพ.ร.บ.โรคติดต่อ รองรับหลังเลิกใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กระทรวงสาธารณสุขได้รายงานความคืบหน้าของการศึกษาและทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งตอนนี้เป็นการทดลองกับลิง แต่คาดว่าอีกประมาณ 6 เดือน น่าจะสามารถทดลองฉีดวัคซีนนี้ในมนุษย์ และอาจต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีเป็นอย่างน้อย จึงจะมีวัคซีนดังกล่าวออกมาใช้ได้
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดและจำนวนผู้ติดเชื้อ แม้ในไทย ถือว่าดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ในอีกหลายประเทศยังน่าเป็นห่วง ขณะเดียวกัน การตรวจพบคนไทยที่ติดเชื้อหลังกลับจากต่างประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ผลจากการสำรวจพฤติกรรมประชาชนในระยะหลัง พบว่า คนจำนวนมากมีการป้องกันตัวเองลดลง แม้ยังสวมหน้ากากอยู่ก็ตาม รวมถึงมีประชาชนเดินทางออกนอกจังหวัด และมีการพบปะรวมกลุ่มกันมากขึ้น ขณะที่สถานที่หลายแห่งมีการจัดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไม่เข้มข้นเท่าที่ควร
ทั้งนี้ นายกฯย้ำในที่ประชุมว่าทุกหน่วยต้องช่วยย้ำประชาชนว่าอย่าประมาท และต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด แม้ได้เข้าสู่การผ่อนปรนกิจการและกิจกรรม ในระยะที่ 3เพราะสถานการณ์ของโรคดังกล่าวถือว่ายังวางใจไม่ได้ และนายกฯสั่งการให้ทีมงานความมั่นคงไปตรวจสอบกิจการต่างๆที่ได้รับการผ่อนคลายระยะที่ 3 ว่าได้ปฏิบัติตามมาตรการที่ศบค.กำหนดครบถ้วนหรือไม่
แม้ในที่ประชุมศบค.วันนี้ (29 พ.ค.) ยังไม่ได้หารือกันว่าควรจะใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ไปถึงเดือนไหน แต่นายกรัฐมนตรีกำชับบรรดาหน่วยงานที่อยู่ในศูนย์ปฏิบัติต่างๆของ ศบค.ให้เร่งศึกษาว่าหากในอนาคตจะยกเลิกการใช้พ.ร.ก.นี้ จะต้องออกมาตรการอะไรมารองรับ หรือสามารถนำกฎหมายใดบ้างที่ใช้ในการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เพราะพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ยังไม่เพียงพอ เนื่องจาก การทำงานในการควบคุมและป้องกันโรคมีหลายด้านประกอบกัน
ถ้าหลังจากยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แล้วพบว่าสถานการณ์ของโรคเปลี่ยนไปจนทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องออกคำสั่งใดๆ อาทิ สั่งปิดกิจการ หรือต้องจำกัดการเดินทางของประชาชน ก็จะทำให้หน่วยงานรัฐถูกคนบางส่วนใช้กฎหมายอื่นๆไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการแก้ปัญหา ซึ่งนายกฯห่วงประเด็นตรงนี้อย่างมาก จึงย้ำให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมเข้าสู่ระบบปกติ เพราะไม่มีทางที่จะใช้พ.ร.ก.ดังกล่าวไปได้ตลอด.