"เพื่อชาติ"จวกรัฐห่วงแต่เจ้าสัว แนะนำเงินกู้ช่วยชาวนาดีกว่า
“เพื่อชาติ”จวก รัฐห่วงแต่เจ้าสัว ยิ่งตอกย้ำไทยเหลื่อมล้ำมากสุดในโลก แนะเอาเงิน 4 แสนล้านช่วยกู้สภาพคล่องให้ชาวไร่ชาวนายังดีกว่า
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน3ฉบับ วงเงิน1.9 ล้านล้านบาทเป็นวันที่ 3 โดยมีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง เป็นประธานในการประชุม โดยนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ อภิปรายว่า ไม่แน่ใจว่าวันนี้รัฐบาลช่วยเหลือนายทุนหรือช่วยเหลือคนจน เพราะวันนี้คนจนยังคงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หนี้ครัวเรือนก็ยังเพิ่มขึ้น โครงการต่างๆ มีข่าวว่าดูดกันตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง
ขณะที่ประชาชนไม่ได้อะไรเลย เหลือแต่ก้านไม้ไอติม ตนจึงไม่เชื่อว่า เงิน 1.9 ล้านล้านบาทนั้นจะสามารถจัดการระบบเศรษฐกิจให้ดีขึ้นได้ จะส่งเสริมให้เกิดรายได้และธุรกิจใหม่ขึ้นได้ หากรัฐบาลยังใช้วิธีการบริหารแบบเดิมๆ อยู่ ดังนั้น หากตนให้ความเห็นชอบกับ พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับนี้ไป ตนก็คงจะโดนด่า นอกจากนี้ วิธีหารายได้เข้าประเทศนั้นท่านจะทำอย่างไร ระบบเศรษฐกิจถึงจะฟื้นตัวได้ หรือต้องหลังจากนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ และท่านมีวิธีการอย่างไร เพราะตนยังไม่เคยได้ยินรัฐบาลพูดว่า หลังโควิด-19จะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไรหลังใช้เงินไปถึง 1.9 ล้านล้านบาทแล้ว
นายสงคราม กล่าวอีกว่า ตนยังหวังว่า เจ้าสัวเกือบครึ่งในประเทศไทย สักวันหนึ่งจะมาเป็นกองกำลังในการปกป้องประเทศ ซึ่งตอนนี้ท่านก็คงเห็นอยู่แล้วว่าเจ้าสัวทั้งหลายนั้นเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่สะท้อนใจที่สุดคือ รัฐบาลพูดถึงแต่เจ้าสัว ท่านให้ความสนใจในการสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชนตัวเล็กๆ เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศไม่ดีกว่าหรือ และยังถือเป็นโอกาสในการปรับความเหลื่อมล้ำด้วยจะดีกว่าหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ความเหลื่อมล้ำของเราเป็นอันดับ1ของโลก ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม วันนี้เกิดโรคระบาดทั่วโลก นายกฯ ไปห่วงใยเจ้าสัวทำไมว่าเขาจะเจ๊ง เขาจะสามารถหาเงินคืนพันธบัตรหรือตราสารหนี้ที่จะครบอายุได้หรือไม่ เพราะเขามีช่องทางอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง แต่ควรห่วงคนตัวเล็กๆ คนยากจนจะดีกว่า เพราะวันนี้คนรวยเขาก็แค่อยู่เฉยๆ สู้รัฐบาลเอาเงิน 4 แสนล้านบาทไปช่วยกู้สภาพคล่องให้กับชาวไร่ชาวนายังจะดีกว่า
“ขอให้คำนึงถึงประชาชนคนยากจน ธุรกิจเอสเอ็มอีที่เขาลำบากกว่า หลังจากนี้อีกกี่ปีถึงจะฟื้นได้ ขอให้คิดถึงหลังโควิด-19ว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศฟื้นได้อย่างไร เพราะวันนี้คนเสียชีวิตเพราะโควิด-19ยังน้อยกว่าคนที่ฆ่าตัวตายเพราะเศรษฐกิจเสียอีก” นายสงครามกล่าว.