'สาทิตย์'หวั่นจว.ฮั้วผู้รับเหมากัดกินพ.ร.ก.กู้เงิน
“สาทิตย์”ชงตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบการใช้เงินกู้ ชี้ต้องมาจากทุกพรรคการเมือง หวั่นจังหวัดฮั้วกับผู้รับเหมา ดักคอ รีบเขียน รีบใช้เงิน แต่ต้องเกิดประโยชน์กับประชาชนด้วย
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน3ฉบับ วงเงิน1.9 ล้านล้านบาทเป็นวันที่ 3 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ภาวะโรคระบาดครั้งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในประเทศ ซึ่งมาตรการที่รัฐบาลใช้ในระยะต้นเป็นมาตรการที่จำเป็นและทำมาถูกต้องแล้ว แต่ผลกระทบจากมาตรการเหล่านี้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดลงอย่างสิ้นเชิง รัฐบาลต้องกู้เงินตาม พ.ร.ก.มาแก้ปัญหา ดังนั้น การจะทำให้ พ.ร.ก.เหล่านี้มีประสิทธิภาพได้ ต้องทำร่วมไปกับการผ่อนคลาย
คำถามคือ ทุกวันนี้มาตรการปิดเมืองและข้อจำกัดต่างๆมากเกินไปหรือไม่ และ พ.ร.ก.นี้ต้องให้เกิดผลทันที โดยมีตัวชี้วัดคือตัวโครงการ ซึ่งตนได้อ่านเนื้อหาในกรอบที่เขียนไว้ท้าย พ.ร.ก. มีการเขียนกรอบการทำงานไว้คร่าวๆ แต่ไม่ระบุว่าใช้เงินโครงการละเท่าไหร่ แสดงถึงการไม่เตรียมการหรือไม่ โดยกรอบกว้างๆ นี้ให้อำนาจแต่ละจังหวัดเสนอโครงการ
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า อย่าให้เป็นโครงการประเภทจังหวัดฮั้วกับผู้รับเหมา หรือเอาโครงการเก่ามาปัดฝุ่น ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายและเคยเป็นมาตลอด ส่วนงบประมาณ 4 แสนล้านบาทนั้น หากเฉลี่ยแล้วจะได้รับจังหวัดละ 5,000 กว่าล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินจำนวนมาก รัฐบาลต้องมีมาตรการกลั่นกรองโดยให้มีผู้ตรวจสอบการทุจริตเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการกลั่นกรองแต่ละจังหวัดด้วย และต้องมีการเปิดเผยรายละเอียดโครงการแต่ละจังหวัดผ่านเว็บไซต์ ตั้งแต่โครงการที่เสนอ โครงการที่ได้รับการอนุมัติ สถานะของโครงการนั้นๆ ผลการประมูล รายชื่อผู้รับเหมา และจำนวนเงินที่ใช้ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเงินที่จะนำมาใช้นี้จะโปร่งใส
ทั้งนี้ ตนเสนอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มีสมาชิกมาจากทุกพรรคการเมือง เพื่อติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินเหล่านี้ โดยอัพเดทจากเว็บไซต์ก่อนแล้วนำมารายงานต่อกรรมาธิการฯ เพื่อรับรองว่าโครงการที่ผ่านการอนุมัติในแต่ละจังหวัดจะเกิดผลในการสร้างรายได้ใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างแท้จริง
“ใน พ.ร.ก.กำหนดเพียงว่า รัฐบาลจะรายงานผลเมื่อครบ 60 วันหลังจากวันสิ้นปีงบประมาณ แต่ผมเห็นว่าไม่จำเป็นต้องรอให้ครบปี และเชื่อว่ารัฐบาลทุกคนก็ควรจะเห็นตรงกันว่า ที่ผ่านมาโครงการ รีบเขียน รีบใช้เงิน แต่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนจริงๆดังนั้น เพื่อการพิจารณาที่รอบคอบ ต้องมีการติดตามตรวจสอบที่รอบคอบจากฝ่ายนิติบัญญัติด้วย”นายสาทิตย์กล่าว.