https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200529/news_oUaJoRHGbD104611_533.jpg?v=20200529126

'อนุทิน'ย้ำฟันคนจ่าย-เก็บหัวคิว สถานที่กักตัวรัฐเหตุร่วมทุจริต!!

“อนุทิน”ปัดตอบใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แค่เดือนมิ.ย.นี้หรือไม่ เสนอนายกฯให้ทีมงานทุกชุดอยู่สู้"โควิด"ต่อ ย้ำฟันคนจ่าย-คนเก็บหัวคิวสถานที่กักตัวรัฐ เหตุร่วมทุจริต

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)  สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในไทยขณะนี้  ว่า  ที่ประชุมจะหารือรายละเอียดมาตรการผ่อนปรนต่างๆก่อนหน้านี้ที่มีการปรับแล้ว

สำหรับกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับปลัดกระทรวงฯว่าความปลอดภัยของประชาชนต้องมาเป็นลำดับแรก ซึ่งในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศเลย แต่กรณีที่เราพบผู้ติดเชื้อนั้นเป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อสูง ซึ่งคนเหล่านี้เดินทางเข้ามาตามโควตาที่ได้มีการประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศต่างๆ  

ทั้งนี้พวกเขาเป็นคนไทยที่อยากกลับบ้าน ซึ่งเราก็ต้องอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด เพราะถึงอย่างไรอยู่ในเมืองไทยดีกว่าอยู่ต่างประเทศ  แต่เราต้องมั่นใจว่าเมื่อเขาเข้ามาแล้ว จะไม่หลุดไปที่ใด ส่วนคนที่ติดเชื้อต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลจนหายดี  ด้านคนที่ไม่ติดเชื้อ ก็ต้องเข้าสู่การกักกันโรคในสถานที่กักกันของรัฐเป็นเวลา 14 วัน  

อย่างไรก็ตาม แม้มีการผ่อนปรนระยะที่ 3 แล้ว ทุกคนยังต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการที่กำหนด คือ การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่าง และการไม่ไปในที่เสี่ยง เราต้องทำต่อไปให้เป็นชีวิตวิถีใหม่ แต่หากเรามีวัคซีนแล้ว อาจจะไม่ต้องใส่หน้ากากออกจากบ้านก็ได้

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีคนเรียกเก็บค่าหัวคิวจากผู้ประกอบการที่พักหรือโรงแรมที่ต้องการจะเข้าร่วมเป็นสถานที่กักกันของรัฐ  นายอนุทิน กล่าวว่า  ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครที่คิดจะทำก็คงรับประทานแกลบกันเป็นแถว เพราะทุกคนรู้กันหมดแล้ว ใครจะกล้าทำอีก  และผู้ที่จะอนุมัติงบประมาณเหล่านี้ต้องเอาแว่นขยายส่อง ไม่มีทางรั่วไหลแน่นอน  ส่วนคนที่จ่ายไปแล้วก็ซวยไปและถือว่ามีความผิดฐานร่วมกันทำให้เกิดการทุจริตในราชการ  

อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น เราจะรู้ได้อย่างไร เพราะอาจมีการแอบอ้างได้ว่าเป็นญาติ ยกตัวอย่างกรณีที่มีคนแอบอ้างว่าเป็นคู่เขยของตนไปของานหรือบีบคั้นข้าราชการในจังหวัดหนึ่งของภาคอีสานได้อย่างไร ทั้งที่ตนไม่มีเมีย แล้วตนมีคู่เขยได้อย่างไร ตลกเป็นบ้าเลย

เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่าคนที่เรียกเก็บค่าหัวคิวคือใคร  นายอนุทิน กล่าวว่า  ไม่จำเป็นต้องไปทราบตรงนั้น เพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่ทนต่อการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่มีทางรอด เพราะ ก่อนจะส่งเรื่องมาให้ตนลงนามอนุมัติ ต้องมีการคัดกรองหลายขั้นตอน และเราต้องพิจารณาที่งบประมาณด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อสิ้นสุดการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ จะมีกฎหมายใดสำหรับการใช้ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาด  นายอนุทิน กล่าวว่า  เรายังมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคระบาดร้ายแรงอยู่  ทั้งนี้ ตนจะเสนอต่อนายกรัฐมนตรีว่าแม้ต่อไปจะไม่มีการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เรายังต้องให้มีคณะทำงานชุดต่างๆที่ทำงานในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ต่อไป เพราะเรื่องโรคดังกล่าวเป็นเรื่องระดับชาติ

เมื่อถามถึงการที่นายอนุทินกล่าวในการชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าจะบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ถึงเดือนมิ.ย.นี้  นายอนุทิน กล่าวว่า  ตนไม่มีสิทธิที่จะบอกว่าเดือนไหนเป็นเดือนสุดท้าย เพราะตนเป็นแค่หนึ่งในผู้ร่วมทำงานอีกหลายๆคน  และไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่เรื่องของโรคโควิดสำคัญกว่าเรื่องการเมือง ศักดิ์ศรี หรือเรื่องอำนาจใดๆ  อะไรก็ตามที่ทำให้ประชาชนปลอดภัยจากการติดเชื้อ ตนยอมหมดอยู่แล้ว.