มินนิโซตาส่งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ระงับจลาจลผิวสี
ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาของสหรัฐระดมเจ้าหน้าที่กองกำลังพิทักษ์มาตภูมิ ลงพื้นที่ช่วยตำรวจระงับเหตุจลาจล ที่เป็นผลจากกรณีอดีตตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอชายผิวสีจนเสียชีวิต
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่าสืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่อดีตตำรวจผิวขาวในเมืองมินนีแอโพลิสทำร้ายชายผิวสีจนเสียชีวิต เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการกดหัวเข่าไปที่ลำคอของอีกฝ่ายระหว่างเข้าจับกุม กลายเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงเรื่องสีผิวครั้งใหม่ในสหรัฐ โดยเฉพาะในประเด็นที่ตำรวจผิวขาว "ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ" จับกมุผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาวผิวสีซึ่งก่อคดีลหุโทษ
นายทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ลงนามในคำสั่งฉุกเฉินด้านความมั่นคง ให้มีการระดมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิลงพื้นที่สนับสนุนปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายทั้งในระดับชุมชนและระดับรัฐ ควบคุมสถานการณ์ประท้วงที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ
ด้านนายวิลเลียม บาร์ รมว.กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ กล่าวที่กรุงวอชิงตัน ว่ารัฐบาลกลาง "ให้ความสำคัญระดับสูงสุด" กับการสอบสวนการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีอายุ 46 ปี โดยให้น้ำหนักกับประเด็นที่ว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งเข้าประชิดตัวผู้ต้องสงสัยเพื่อทำการจับกุม นำโดยเจ้าหน้าที่เดเร็ก ชอวิน และเพื่อนตำรวจอีก 3 นาย ใช้อคติทางสีผิวละเมิดสิทธิพลเมืองของผู้เสียชีวิตหรือไม่ โดยชอวินเป็นผู้กดเข่าลงบนคอของฟลอยด์ที่อยู่ในสภาพนอนราบคว่ำหน้ากับพื้น ถูกสวมกุญแจมือไพล่หลังและกล่าวหลายครั้งว่าหายใจไม่ออก
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจเมืองมินนีแอโพลิสไล่ชอวินและเพื่อนตำรวจอีก 3 นายออกจากราชการ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถบรรเทาความโกรธแค้นของประชาชนได้ ขณะที่นายจาค็อบ เฟรย์ นายกเทศมนตรีเมืองมินนีแอโพลิส เรียกร้องให้อัยการดำเนินอาญากับชอวิน
อนึ่ง หนึ่งในคำกล่าวของฟลอยด์ก่อไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลว่าเขา "หายใจไม่ออก" ทำให้ทุกฝายนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ตำรวจผิวขาวในนครนิวยอร์กพยายามจับกุมนายอีริก การ์เนอร์ ชายผิวสีซึ่งไม่มีอาวุธ เมื่อปี 2557 โดยในช่วงนาที่สุดท้ายก่อนเสียชีวิต การ์เนอร์วิงวอนให้ตำรวจเลิกล็อกคอเพราะทำให้เขา "หายใจไม่ออก".
เครดิตภาพ : AP