https://s.isanook.com/ns/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL25zLzAvdWQvMTYzNC84MTczNTkwL3ByYXl1dGgtdW4tc3BlZWNoLmpwZw==.jpg

บิ๊กตู่ เสนอสหประชาชาติ 3 แนวทางฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19

"บิ๊กตู่" นำเสนอ 3 แนวทางฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ต่อที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ

เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) เวลา 10.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา (ตรงกับเวลา 21.15 น. ในประเทศไทย) นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในรูปแบบวีดิทัศน์ในกิจกรรม High-level Event on Financing for Development in the Era of COVID-19 and Beyond โดยได้เสนอ 3 ประเด็นสำคัญต่อการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ดังนี้

1. ความพร้อมของระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็ง งบประมาณด้านสาธารณสุข (health financing) หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage) ประเทศไทยมีระบบอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมประสิทธิภาพการควบคุมการแพร่ระบาดในไทย ทั้งนี้ การพัฒนาวัคซีนและยารักษา COVID-19 ควรเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่ทุกประเทศควรจะได้รับสิทธิในการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน

2. สภาพแวดล้อมทางการค้าและการลงทุนที่เป็นมิตร และการยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีที่เปิดกว้าง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ ไทยต้องการเห็นการดำเนินการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่หยุดชะงักไป (restart) ปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจ (reboot) เพื่อฟันฝ่าวิกฤต และปรับการเชื่อมต่อระหว่างกันใหม่ (reconnect) เพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืนกว่าเดิม ในประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรีหวังให้องค์การระหว่างประเทศและสถาบันการเงินระหว่างประเทศ ช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาน้อยด้วย

3. การวางแผนเพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน รองรับความ “ปรกติใหม่” คือ เรื่องของการดูแลสภาพแวดล้อม และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือของคนไทย และได้รับฟังความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อวางมาตรการรับมือกับวิกฤต และเตรียมมาตรการฟื้นฟูในอนาคต โดยพร้อมที่จะร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการจัดการกับวิกฤตเศรษฐกิจ และบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นอกจากนี้ ยังได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีแคนาดา นายกรัฐมนตรีจาเมกา และเลขาธิการสหประชาชาติสำหรับความริเริ่มในการจัดกิจกรรมนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะร่วมกันหาแนวทางเพื่อรับมือและส่งเสริมให้เกิดการฟื้นตัวจากวิกฤต โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง