โควิด-19 คร่าชีวิตอเมริกันชนทะลุแสนคน แต่ยังเดินหน้าเปิดเศรษฐกิจ

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005706201.JPEG

รอยเตอร์ - ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในสหรัฐฯ ทะลุ 100,000 คน ในวันพุธ (27 พ.ค.) แม้ยอดตายเฉลี่ยรายวันลดลง ส่วนภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการ และรัฐต่างๆ ทั่วประเทศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

ตามการนับของสำนักข่าวรอยเตอร์ พบว่า ยอดผู้เสียชีวิตสะสมในสหรัฐฯ พุ่งเกิน 100,000 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามจากการคำนวณพบว่ามีอเมริกันชนราว 1,400 คน เสียชีวิตจากโควิด-19 ในแต่ละวันในเดือนพฤษภาคม ลดลงจากจุดพีกสุดของการแพร่ระบาดในเดือนเมษายน ซึ่งในเดือนดังกล่าว ตัวเลขผู้เสียชีวิตโดยเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ประมาณ 2,000 คน

เวลานี้ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐฯ สูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดตามฤดูกาลย้อนกลับไปจนถึงฤดูกาลปี 1957-1958 ซึ่งคราวนั้นมีผู้เสียชีวิต 116,000 คน ในเวลาเพียงแค่ 3 เดือน หลังจากก่อนหน้านี้ ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้แซงหน้าจำนวนอเมริกันชนที่เสียชีวิตในสงครามเกาหลี, สงครามเวียดนาม และความขัดแย้งในอิรัก ระหว่างปี 2003 ถึง 2011 รวมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้แล้ว ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคร่าชีวิตผู้คนมากกว่าการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ตั้งแต่ปี 1981 ถึง 1989 แล้วเช่นกัน

ในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในสหรัฐฯนั้น เวลานี้ขยับขึ้นเป็นราวๆ 1.7 ล้านคน ในขณะที่หลายรัฐทางภาคใต้ของประเทศพบเห็นผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสัปดาหที่ผ่านมา

จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งเกิน 5.6 ล้านคน และเสียชีวิต 350,000 คน นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เริ่มแพร่ระบาดในจีนช่วงปลายปีที่แล้ว จากนั้นก็ลุกลามเข้าสู่ยุโรปและสหรัฐฯ แต่เวลานี้อเมริกาใต้กลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโรคระบาดใหญ่ โดยเฉพาะในบราซิล ซึ่งกลายเป็นชาติที่พบผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา

จากการคำนวณของรอยเตอร์พบว่าในบรรดา 20 ชาติแรกที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดหนักหน่วงที่สุด สหรัฐฯรั้งอันดับ 8 บนพื้นฐานของอัตราการตายต่อจำนวนประชากร โดยอเมริกามีอัตราการเสียชีวิต 3 คนต่อประชากร 10,000 คน โดยเบลเยียม รั้งอันดับ 1 มีอัตราการเสียชีวิต 8 คนต่อประชากร 10,000 คน ตามมาด้วย สเปน, สหราชอาณาจักร และ อิตาลี