แห่ขอใช้เงินกองทุนอนุรักษ์ เกินงบ 11 เท่า พลังงานเน้น โครงการ ‘ฟื้นฟูเศรษฐกิจ’ หลังโควิด
by SARANYA THONGTHAB“พลังงาน” เผยปี 63 มีโครงการขอใช้เงินกองทุนอนุรักษ์ 62,616 ล้าน เกินงบถึง 11 เท่า ประกาศ! เน้นโครงการ ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 สร้างงาน สร้างอาชีพ และแก้ภัยแล้ง
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้สรุปยอดการยื่นข้อเสนอโครงการปีนี้ มีจำนวนทั้งหมด 5,155 โครงการ วงเงิน 62,616 ล้านบาท
ขณะที่กรอบการจัดสรรเงินกองทุนฯ มี 5,600 ล้านบาท หรือเกินจำนวนเงินที่มีประมาณ 11 เท่า ซึ่งโครงการที่ยื่นเข้ามา แบ่งเป็น
-กลุ่มแผนเพิ่มประสิทธิภาพ 1,134 โครงการ วงเงิน 20,874 ล้านบาท จากวงเงินจัดสรร 2,400 ล้านบาท
-กลุ่มแผนพลังงานทดแทน 4,021 โครงการ วงเงิน 41,743 ล้านบาท จากวงเงินจัดสรร 3,200 ล้านบาท
ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณา และกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขอย่างละเอียดรอบคอบ ให้ครอบคลุมหลายมิติ โดยลำดับแรกจะพิจารณาว่าเป็นไปตามเงื่อนไขการจัดทำข้อเสนอโครงการ และเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ หรือไม่ อาทิเช่น
ผู้ยื่นขอรับการสนับสนุน ไม่เข้าข่ายเป็นผู้ขอรับแทนกัน มีข้อมูลด้านความคุ้มค่า กรณีเป็นโครงการต่อเนื่อง ต้องมีผลความก้าวหน้า และผลการเบิกจ่ายมากกว่า 50% ของโครงการในปีที่ผ่านมา มีข้อมูลด้านศักยภาพของหน่วยงานและเชิงพื้นที่ เป็นต้น
สำหรับการลำดับความสำคัญนั้น จะเน้นให้กับโครงการภายใต้ กลุ่มงานสนับสนุนลดต้นทุน ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้แผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และแผนพลังงานทดแทน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เม็ดเงินกระจายอยู่ในจังหวัด ช่วยสร้างอาชีพ สร้างงาน และสร้างรายได้ ให้ประชาชนในพื้นที่
รวมทั้งเกิดการนำพลังงานทดแทนมาใช้ก่อเกิดการประหยัดพลังงานให้กับชุมชน ช่วยลดค่าใช้จ่าย โดยในกลุ่มนี้มีข้อเสนอโครงการที่ยื่นตรงมายังสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) รวม 3,605 โครงการ
และมีข้อเสนอผ่านคณะกรรมการระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน โดยมีจังหวัดที่ยื่นขอมา 54 จังหวัด ซึ่งคณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ จะกำหนดแนวทางกลั่นกรองโครงการ ภายใต้กลุ่มงานนี้ ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเป็นไปตามเงื่อนไขอย่างเข้มงวด
สำหรับโครงการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งมีหน่วยงานยื่นข้อเสนอโครงการทั้งหมด 2,339 โครงการ เป็นวงเงิน 9,172 ล้านบาท คณะอนุกรรมการฯ ได้มอบแนวทางพิจารณา เช่น มีการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ขณะเดียวกันก็ต้องมีแผนเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แนบมาด้วย เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ได้มอบหมาย ส.กทอ.จัดทำบัญชีข้อมูลโครงการที่กองทุนฯ ได้ให้การสนับสนุนไปแล้ว รายจังหวัดประเภทโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อการเกษตร เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ ประสบภัยแล้ง ที่ยังไม่เคยได้รับการจัดสรร
ส่วนโครงการประเภทซื้อวัสดุอุปกรณ์ หากไม่มีการต่อยอดบูรณาการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม จะได้รับความสำคัญระดับต่ำสุด
สำหรับระยะเวลาในการกลั่นกรองโครงการคณะอนุกรรมการฯ จะเร่งให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายน 2563 เพื่อเสนอคณะกรรมการกองทุนฯ ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาอนุมัติในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนมิถุนายนต่อไป