ทนฟังเมียร้อง"พี่มากขา"ไม่ไหว ยิงโหดก่อนเผาสดๆ2ศพ
ตำรวจคุมตัวมือฆ่าเผาทำแผน ขณะที่"น้องสาว"ผู้ต้องหาเผย พี่ชายแค้นจริง! คนทำพี่สะใภ้เสียสติ ก่อนเกิดเหตุพี่สะใภ้ออกจากบ้านกลางดึกไปนอนรีสอร์ท แต่พอกลับมาบ้านอีกทีก็เรียกแต่...พี่มากขา...พี่มากขา
จากกรณีชาวบ้านพบศพชาย 2 คน ถูกฆ่าแล้วเผา กลางข้างบ่อขยะเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ภายหลังตำรวจจับกุม นายวิรัตน์ แก้วทองพันธ์ อายุ 36 ปี หรือ "แวว" ฆาตกรไว้ได้โดยให้การรับสารภาพอ้างว่า แค้นใจที่ทั้งสองรุมข่มขืนภรรยาจนเสียสติ โดยตำรวจแจ้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ทำลายศพ หรือ ส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ควบคุมตัว นายวิรัตน์ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุรวม 4 จุด ทั้งที่บ้านซึ่งเป็นจุดที่ยิง จุดที่เผาศพ จุดที่วงจรปิดที่สามารถจับภาพรถกระบะได้ขณะขับออกมาจากจุดเผาศพ และจุดที่นำฝาครอบกระบะท้ายและกันชนที่ชนหินไปเผาทำลายหลักฐาน ทั้งนี้ระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำตัวนายวิรัตน์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านพักเลขที่ 73 หมู่4 ต.ควนลัง ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามน้องสาวของนายวิรัตน์ เกี่ยวกับเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยน้องสาวของ นายวิรัตน์ เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจที่พี่ชายทำแบบนี้ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าสาเหตุที่ทำไปเพราะอะไร ปกตินิสัยของพี่ชาย ถ้าไม่โกรธใครจริง ๆ ก็จะไม่ทำใครก่อน สำหรับเรื่องอารมณ์และความรุนแรงนั้นมีอยู่บ้าง เพราะก่อนหน้านี้เคยใช้อาวุธปืนยิงน้องชายได้รับบาดเจ็บเพราะทะเลาะกันหนัก แต่โชคดีที่น้องชายบาดเจ็บไม่มาก ซึ่งก็ไม่ได้เอาความกันแต่อย่างใด อีกทั้งเหตุเกิดนานมากแล้ว
"...ก่อนเกิดเหตุสองวันพี่ชายทะเลาะกับภรรยา โดยฝ่ายพี่สะใภ้ออกจากบ้านไปกลางดึก ซึ่งตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าไปไหน เพราะไม่มีญาติพี่น้องในพื้นที่ มาทราบตอนหลังว่าไปนอนรีสอร์ทแห่งหนึ่ง พอกลับมาบ้าน ก็มีอาการสติฟั่นเฟือนพูดจาไม่รู้เรื่อง ขนาดตนยืนอยู่ก็พูดว่า ...พี่มากขา...พี่มากขา... ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้กันแน่...มีแต่พี่ชายเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้..." น้องสาวนายวิรัตน์ กล่าว
ด้านแหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นต้องอาจต้องแยกคดีออกเป็น 2 ส่วน คือ การดำเนินคดีกับ นายวิรันต์ ตามกฎหมาย แต่อีกคดีที่อาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ก็คือ กรณีที่ภรรยาของนายวิรัตน์ที่เสียสติและเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในรพ. ซึ่งก็ยังไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร แต่ถ้าหากถูกข่มขืนจนเสียสติตามที่ นายวิรันต์ กล่าวอ้างจริง ก็ต้องรักษาให้หายดีและสามารถจำความได้
เพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่ปัญหาในเวลานี้ก็คือถ้าพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทวันที่ภรรยาของนายวิรัตน์เข้าไปพัก ซึ่งจะพิสูจน์ได้ว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง หากถูกทำลายหรือสูญหายไป น้ำหนักในประเด็นข่มขืนก็จะน้อยลงไปด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุ้นผลDNAคดีฆ่าเผา2ศพ ชี้หากตรงกันดิ้นไม่หลุดแน่