สธ.ชี้9จว.คนติดโควิดไม่มีอาการ ถอดบทเรียนจีนเชื้อแพร่4.5เมตร

สธ.เตือนไม่ใช่เวลาฉลองยอดป่วยโควิดลด เชื่อยังมีคนติดเชื้อในชุมชนไม่แสดงอาการ โดยเฉพาะใน 9 พื้นที่ ถอดบทเรียนการติดเชื้อในจีนขึ้นรถโดยสารต้องสวมหน้ากาก เหตุเชื้อแพร่ไกล 4.5 เมตร พร้อมวิเคราะห์ “สวีเดน” ปล่อยเชื้ออิสระหวังเกิดภูมิคุ้มกันไม่เป็นผลดี

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ 9 ราย มี 2 รายที่ตรวจพบในวันที่ 14 ของการเข้ากักตัวในสถานที่กักกันของรัฐเมื่อวันที่ 12 พ.ค.นั้น มีการตรวจเชื้อครั้งที่ 1 วันที่ 18 พ.ค. ไม่พบเชื้อ ตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 24 พ.ค. ไม่พบเชื้อและครั้งที่ 3 วันที่ 26 พ.ค.ซึ่งเป็นการตรวจก่อนครบระยะกักตัว 14 วัน จึงเป็นการติดเชื้อมาจากต่างประเทศแน่นอน และจึงไม่มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลากักตัวแต่อย่างใด ซึ่งในการจะดำเนินการใดนั้นต้องอาศัยหลักทางวิชาการและความเป็นไปได้ด้วย ไม่ใช่อาศัยหลักคิดไปเอง

ดังนั้น สถานการณ์ผู้ป่วยในไทยขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการมาจากต่างประเทศ ทำให้สบายใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเฉลิมฉลองเพราะทางฝ่ายวิชาการเชื่อว่าจะยังมีผู้ป่วยที่อยู่ในประเทศ อาจจะมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลยไม่เข้ารับบริการตรวจ กระทรวงสาธารณสุขจึงเน้นการเฝ้าระวังและออกไปค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ขณะนี้แม้จะมี 65 จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 1 เดือน แต่ในจังหวัดที่เคยมีผู้ป่วยจำนวนมากมาก่อน สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ มีความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหลงเหลืออยู่ในชุมชน โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นสถานการณ์คล้ายกับในประเทศจีนที่ไม่มีรายงานการพบผู้ป่วยใหม่มาระยะหนึ่ง แต่ก็กลับมาพบผู้ป่วยประปรายอีกแสดงว่ายังมีคนอาการน้อยหลงเหลือในชุมชน

นพ.ธนรักษ์ กล่าวต่อว่า จากการถอดบทเรียนในประเทศจีนมีการพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนบนรถโดยสารสาธารณะปรับอากาศ ที่มีคนค่อนข้างแน่น และอยู่ร่วมกันค่อนข้างนาน มีผู้โดยสารที่มีเชื้ออยู่ 1 คน นั่งแถวหลัง ปรากฏว่าเกิดการติดเชื้อตามมาอีกหลายคน รวมถึงผู้โดยสารที่นั่งห่างไกล 4.5 เมตร เห็นว่าการอยู่ร่วมกันนานในที่ที่มีระบบปรับอากาศจะทำให้เชื้อแพร่ได้ไกลกว่า 2 เมตร

ดังนั้นจึงแนะนำให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยช่วงที่โดยสารรถสาธารณะ เช่นเดียวกับที่ร้านอาหารซึ่งมีการสวมหน้ากากอยู่แล้ว ต้องพยายามให้คนนั่งห่างกันอย่างน้อย 2 เมตร หรือติดฉากกั้น ป้องกันละอองฝอยน้ำลาย ส่วนของไทยตอนนี้รถไฟฟ้าบีทีเอสได้ทดลองเปิดหน้าต่างวิ่งเพื่อให้อากาศถ่ายเทแล้ว 

นพ.ธนรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ถอดบทเรียนการควบคุมป้องกันโรคของประเทศสวีเดนที่มีความแตกต่างจากประเทศไทย โดยสวีเดนดำเนินนโยบายเปิด ปล่อยให้เกิดการระบาดของโรคโดยอิสระเพราะตั้งใจให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว ซึ่งรัฐบาลสวีเดนคาดการณ์ว่าจะมีประชากรครึ่งหนึ่งติดเชื้อภายในเดือน พ.ค.ก็จะยุติการระบาดได้ถึง 60% ตอนนี้พบว่าประเทศสวีเดนมีอัตราการติดเชื้อค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับนอร์เวย์และฟินแลนด์ และมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าประเทศอื่นๆ สูงกว่าสหรัฐอเมริกาด้วย แต่เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วพบว่าอัตราการติดเชื้อสะสมเพียง 7% ของประชากรทั้งหมด

“ฉะนั้น แม้จะมีการระบาดมาก แต่ก็ไม่ได้ไปเร็วเหมือนที่รัฐบาลคิด จึงทำให้เกิดความกังวลว่าจะดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างไรต่อไปดี สอดคล้องกับสถานการณ์ในหลายประเทศในยุโรปที่เคยมีข่าวแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมก็ไม่ได้สูงมากอย่างที่ทางการหลายประเทศหวังจะให้เป็นว่าจะให้จบเร็วๆ เพราะฉะนั้นการเปิดให้มีการแพร่ระบาดของโรคโดยอิสระนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย เพราะศักยภาพทางการแพทย์ จำนวนรพ.จํานวนเตียงต่อประชากร จำนวนแพทย์ต่อประชากรไม่ได้มีมากมายเหมือนกับประเทศที่ร่ำรวย” นพ.ธนรักษ์ กล่าว

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อกังวลเรื่องคนมาจากต่างประเทศนั้น ตอนนี้ถือว่าเรายังปิดประเทศอยู่คนที่เดินทางเข้ามาส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งรัฐบาลก็จัดให้วันละไม่มากเกินไปเพื่อให้เหมาะสมตามจำนวนห้องที่ต้องรับไว้สังเกตอาการ 14 วัน ยังไม่ได้เปิดให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ เพราะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ส่วนข้อกังวลเรื่องการติดเชื้อจากการซื้อของออนไลน์เหมือนที่พบในประเทาเกาหลีใต้นั้น ประเทศไทยมาตรการคัดกรองคนก่อนเข้ามาทำงาน การสวมหน้ากากตลอดเวลา ประกอบกับอุณหภูมิของไทยค่อนข้างสูง ของที่ส่งมาต้องใช้เวลาข้ามวันโอกาสติดเชื้อฯ จึงน้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อรับของมาแล้วให้ทิ้งไว้ก่อน อย่าเพิ่งเปิด.