ประธาน อสม.ชุมพรโร่แจ้งความ มือดีแอดไลน์ส่งภาพลับ หลังขัดแย้งวัดเรื่องเผาศพเหยื่อโควิด-19

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005680401.JPEG

ชุมพร - ประธาน อสม.ในตำบลตากแดด เมืองชุมพร โร่แจ้งความผวาเจอมือดีแอดไลน์ส่งภาพชายห่มจีวรกำของลับโชว์ นับสิบภาพ เชื่อว่ามาจากสาเหตุที่โวยเรื่องผลประโยชน์วัดเผาศพโควิด-19

วันนี้ (27 พ.ค.) นางชญาฎา ผลคิด อายุ 53 ปี อยู่เลขที่ 51/2 หมู่ที่ 2 ตำบลตากแดด อ.เมือง จ.ชุมพร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองทำงานเป็นจิตอาสาชุมชนมานานหลายปี จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน อสม. หลังเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตนเองพร้อมกับ อสม.และผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น ก็ได้ดำเนินการตั้งจุดคัดกรองขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลและของจังหวัดอย่างเข้มข้นเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อจากคนสู่คน ซึ่งจุดคัดกรองจะตั้งอยู่บริเวณใกล้กับวัดประเดิม ในพื้นที่ตำบลตากแดด

นางชญาฎา กล่าวว่า แต่เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา จังหวัดชุมพรได้มีผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่รักษาอยู่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เสียชีวิติลงและเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของจังหวัดชุมพร โดยศพแรกได้เผาที่วัดโพธิการาม ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร รายที่สองเผาที่วัดคูขุด ตำบลบางหมาก ซึ่งทั้งสองรายดังกล่าวหลังจากที่เผาไปแล้วก็ได้เกิดปัญหากับชุมชน เพราะคนชุมชนไม่มีใครรู้เลยว่ามีการเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีใครมาทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่เลย ซึ่งเรื่องทั้งหมดกว่าจะลงตัวและสร้างความเข้าใจกับชุมชนก็เกิดความขัดแย้งนานพอสมควร

นางชญาฎา กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่สามทางผู้เกี่ยวข้องก็ได้นำมาเผาที่วัดประเดิม แต่ผู้นำและชาวบ้านในชุมชนชุมชนไม่ทราบว่ามีการเผาศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แม้กระทั่งตนเองและผู้ใหญ่บ้าน ที่นั่งอยู่ที่จุดคัดกรองใกล้วัดประเดิมทุกวันซึ่งห่างกันไม่ถึง 100 เมตร ก็ยังไม่ทราบ ทางเจ้าหน้าที่และทางวัดก็ไม่ได้มาบอกกล่าวแต่อย่างใด จนเป็นกระแสข่าวถึงหูชาวบ้านและได้โทรมาสอบถามตน และมีการพูดคุยกันทางไลน์กลุ่มชุมชน ซึ่งตนได้อธิบายไปแล้วว่าเพิ่งรู้เช่นเดียวกัน

แต่ชาวบ้านกลับตำหนิว่าตนทำงานอยู่แค่ปลายจมูกทำไมถึงไม่รู้ ซึ่งทำให้ตนเองและผู้ใหญ่บ้านน้อยใจมาก โดยตนเองก็ได้พูดไปว่าคงมีผลประโยชน์กันระหว่างวัดกับทางญาติคนตาย ที่ปกติเผาศพจะอยู่ประมาณหลักพันบาท แต่รายนี้ตายไม่ปกติคงได้เป็นหลักหมื่น ซึ่งที่ตนเองพูดไปแบบนั้นก็เพราะน้อยใจที่ตนเองทำงานอย่างเต็มที่ ป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดลงมาในชุมชนตนเอง แต่ยังนำศพผู้ป่วยโควิด-19 มาเผาอีก

นางชญาฎา กล่าวอีกว่า จนกระทั่งรุ่งขึ้นอีกวัน ตนเองได้หยิบโทรศัพท์มาเช็คข้อมูลไลน์กลุ่มว่ามีอะไรเคลื่อนไหวบ้าง จนมาพบว่ามีคนแอดไลน์แล้วส่งภาพเข้ามาจึงได้เปิดดูเมื่อเห็นแล้วก็ต้องตกตะลึงอย่างมากเพราะคนแอดไลน์เข้ามาตนไม่ได้ตอบรับเป็นเพื่อนเลย ได้ส่งภาพท่อนล่างโชว์ตั้งแต่ช่วงอกลงมาแล้วโชว์ของลับนับ 10 ภาพ ซึ่งเป็นผู้ชายลักษณะถลกผ้าจีวรสีเหลืองเอามือจับของลับโชว์แบบโจ๋งครึม จึงได้ลบไลน์ดังกล่าว หลังจากนั้นตนเองจึงได้นำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้านและนายอำเภอ แล้วก็เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชุมพร เพราะตนคิดว่าเริ่มมีภัยมาคุกคามแล้ว

ตนก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องผลประโยชน์ที่ทางวัดจะได้จากทางญาติที่ตนเองได้พูดออกไป และผู้ที่เสียผลประโยชน์ที่ถูกกล่าวถึงร้อนตัวจึงได้ส่งภาพมาข่มขู่ตน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของคนจิตอาสาคนหนึ่งที่ต้องไปไหนมาไหนตลอด จึงต้องป้องกันตนเองด้วยการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้านเพื่ออย่างน้อยภาพจะได้จับบุคคลที่ไม่หวังดีที่จะเข้ามากระทำอันเป็นผลร้ายให้กับตนเอง

ด้านนางเยาวดี โคกแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 2 ตำบลตากแดด กล่าวว่า ตอนนี้ในชุมชนเกิดความระส่ำระส่ายไปหมด เพราะกลัวว่าจะมีเชื้อโควิด-19 ตกค้างอยู่ และยิ่งปกติแล้วการเผาศพทุกครั้งทางวัดจะบอกมายังผู้นำเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนได้รู้ เพื่อจะได้ปิดประตูหน้าต่าง ปิดภาชนะเก็บน้ำ เพราะควันจากเมรุฟุ้งกระจาย แต่ครั้งนี้เผาเสร็จแล้วชาวบ้านมารู้เองภายหลังจึงผวาไปตามๆกัน และได้เทน้ำเทท่าในโอ่ง ในภาชนะที่เก็บไว้ทุกบ้านจนหมด ส่วนทาง อสม.ที่น้อยใจก็ต้องยอมรับว่าเป็นใครก็ต้องน้อยใจ เมื่อทำงานป้องกันอย่างเต็มที่แต่ผลที่ออกมากลับไม่ได้รับความร่วมมือจากที่วัด ซึ่งตนเองเชื่อว่าถ้าวัดมาบอกชาวบ้านก็คงไม่ได้ติดใจอะไร.