ทรัมป์จวกทวิตเตอร์ "แทรกแซง" การเลือกตั้งผู้นำสหรัฐ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความไม่พอใจอย่างหนัก ต่อการที่ทวิตเตอร์ขึ้นแถบคำเตือนเกี่ยวกับ "เฟคนิวส์" ใต้การทวีตข้อความของเขา โดยกล่าวหาอีกฝ่าย "แทรกแซง" การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. นี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ว่าทวิตเตอร์ดำเนินมาตรการใหม่เพื่อตรวจสอบและป้องกันการแพร่กระจายของ "ข่าวปลอม" และข้อมูลบิดเบือนบนแพลตฟอร์ม เมื่อกลางเดือนนี้ ด้วยการขึ้นแถบข้อความใต้การทวีตของบุคคลหรือหน่วยงานใดก็ตาม ซึ่งมีเนื้อหาเป็นที่ถกเถียงและมีความคลุมเครือ จนอาจก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน
 
ขณะที่บัญชีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 80 ล้านคนนั้น มีการทวีตข้อความหลายครั้งที่เรียกเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากสังคมทั้งในและต่างประเทศ แต่ทวิตเตอร์แทบไม่เคยแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อการใช้งานแพลตฟอร์มของทรัมป์
 

 
จนกระทั่งทวิตเตอร์ขึ้นแถบข้อความใต้การทวีต 2 ครั้งของผู้นำสหรัฐ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ซึ่งทรัมป์วิจารณ์ว่าจะนำไปสู่การทุจริตและทำลายระบบการเลือกตั้งของประเทศ  และพุ่งเป้าโจมตีนายกาวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นรัฐแรกของสหรัฐที่อนุญาตการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3 พ.ย. นี้ ด้วยการส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชน จากวิกฤติโรคระบาดโควิด-19

ทั้งนี้ แถบคำเตือนขอทวิตเตอร์นำไปสู่อีกหน้าหนึ่งของแพลตฟอร์มที่ระบุว่า "ทรัมป์กล่าวอ้างโดยที่ยังพิสูจน์ไม่ได้"  ว่าการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางไปรษณีย์จะก่อให้เกิดการทุจริตเลือกตั้ง ตามด้วยหัวข้อ "สิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้" เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ที่มีการแก้ไขการทวีตของทรัมป์ว่า เฉพาะผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่ลงทะเบียนเท่านั้น จึงจะได้รับบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ และแคลิฟอร์เนียไม่ใช่รัฐเดียวที่ใช้วิธีนี้ รัฐออริกอน รัฐยูทาห์ และรัฐเนแบรสกา ใช้วิธีเดียวกัน
 

ต่อจากนั้นไม่นาน ทรัมป์ทวีตข้อความต่อว่าทวิตเตอร์ "ลิดรอนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น" และเขาในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐจะไม่ยินยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวหาทวิตเตอร์ "แทรกแซง" การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยการ "ตรวจสอบความจริง" ที่อ้างจากสำนักข่าว "เฟคนิวส์" อย่างซีเอ็นเอ็น และเดอะ วอชิงตัน โพสต์

ด้านทวิตเตอร์ยังไม่มีปฏิกิริยาอย่างเป็นทางการ โดยถือเป็นครั้งแรกที่หนึ่งในเครือข่ายสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของโลก "ตรวจสอบ" การใช้งานของผู้นำสหรัฐ.

เครดิตภาพ : AFP