ปรับ ครม.เอาแน่ แต่ต้องรอหลังศึกซักฟอก !?

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005615301.JPEG

เมืองไทย 360 องศา



เวลานี้ถือว่าการเมืองโหมโรงกันเต็มที่ หลังจากเปิดสภาสมัยสามัญ ทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างเตรียมความพร้อมกันอย่างเต็มที่ ภารกิจเฉพาะหน้าที่กำลังมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ก็คือ การอภิปรายร่างพระราชกำหนดที่เกี่ยวกับเงินกู้จำนวน 3 ฉบับ วงเงินเกือบสองล้านล้านบาท แม้ว่าคงจะไม่มีผลในทางปฏิบัติมากมายนัก เนื่องจากเป็นลักษณะของการรับทราบเสียเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ดี สาระสำคัญขึ้นอยู่กับข้อมูล และ “กึ๋น” ของแต่ฝ่ายว่าจะสามารถเรียกความสนใจจากสังคมได้มากกว่ากัน โดยเฉพาะการอภิปรายของสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน ว่า จะสามารถมีข้อมูล หรือมีข้อท้วงติงที่สมเหตุสมผลมากน้อยแค่ไหน เพราะคราวนี้นอกเหนือจากพรรคฝ่ายค้านหลักอย่างพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีพรรคก้าวไกล ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคคนใหม่ อย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะสามารถโชว์บทบาทได้โดดเด่นขึ้นมาหรือไม่

สิ่งที่น่าสนใจและเป็นที่จับตามองมากกว่า ก็คือ ความเคลื่อนไหวในรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลาย ที่พอจับสัญญาณได้แล้วว่า กำลังรอจังหวะการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเริ่มเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับภายในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มีการเคลื่อนไหวจากบางกลุ่มพยายามกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรค ต่อเนื่องไปถึงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นลำดับถัดไป แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณตอบสนองกลับมาอย่างชัดเจนแต่อย่างใด

แต่หากพิจารณาในภาพรวม และความน่าจะเป็นมากที่สุด หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีขึ้นมาจริงๆ เชื่อว่า น่าจะเป็นการ “ปรับใหญ่” มากกว่า และไม่น่าจะปรับเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ เพียงพรรคเดียว แต่ต้องมีพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ พร้อมกันไปด้วย ซึ่งนาทีนี้ให้จับตามองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ว่า จะเกิดการเคลื่อนไหวให้ปรับหรือไม่ รวมไปถึงยังมีพรรคการเมืองขนาดเล็กอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมรัฐบาล หลังจากที่เวลานี้มีการรวมกลุ่มและรวมเสียงเป็นกลุ่มเป็นก้อน เช่น พรรคพลังท้องถิ่นไทย ที่อ้างว่ามีเสียงในนามกลุ่ม “กิจสังคมใหม่” ราว 7-8 เสียง

ล่าสุด จากการเปิดเผยของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล เปิดเผยว่าเวลานี้มี “พรรคเศรษฐกิจใหม่” เปิดตัวเป็นฝ่ายรัฐบาลอย่างเป็นทางการ มีการส่งตัวแทนมาร่วมประชุมวิปฝ่ายรัฐบาลแล้ว โดยมีส.ส.ที่มาอยู่ฝ่ายรัฐบาลจำนวน 5 คน ยังเหลือเป็นฝ่ายค้าน 1 คน ซึ่งน่าจะเป็น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ก่อนหน้านี้ ประกาศว่ายังร่วมงานกับฝ่ายค้านต่อไป

หากพิจารณาถึงความเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับใหญ่พร้อมกันในหลายพรรค หลายกลุ่มการเมือง ต้องมองถึงองค์ประกอบทางการเมืองหลายอย่างได้จังหวะไม่น้อย เช่น จากช่วงเวลาที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังจะมีอายุครบ 1 ปี ซึ่งในทางการเมืองถือว่ามีความเหมาะสมสำหรับการประเมินผลงานสำหรับรัฐมนตรีในแต่ละคน

ประกอบกับในแต่ละพรรคการเมืองย่อมต้องมีกลุ่มก๊วนเกิดขึ้นภายในหลายกลุ่มก็ย่อมต้องรอจังหวะเคลื่อนไหวกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อหวังว่าตัวเอง หรือกลุ่มตัวเองได้เข้าไปนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีบ้าง ซึ่งในทางการเมืองถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับการปรับคณะรัฐมนตรี แต่ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อปรับแล้วจะสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาลมากขึ้นกว่าเดิม หรือออกมาในทางตรงกันข้าม นั่นคือทำให้เกิดความแตกแยกจนทำให้รัฐบาลอายุสั้นลงหรือไม่

หากให้โฟกัสถึงความเป็นไปได้ที่อาจต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะเกิดขึ้นนอกเหนือจากพรรคพลังประชารัฐที่มีการเคลื่อนไหวกันก่อนหน้านี้แล้ว ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ที่น่าจะรอจังหวะปรับเปลี่ยนหมุนเวียนกันภายในเหมือนกัน เนื่องจากมีหลายกลุ่มที่รอจังหวะอยู่ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ถือว่าไม่น่าจะมีการเคลื่อนไหวมากนัก เช่น พรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงพรรคขนาดเล็กอื่นๆ เช่น ชาติไทยพัฒนา อาจมีเพียงพรรคชาติพัฒนาที่มี ส.ส. 3 ที่นั่ง ที่ถูกจับตามองว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายฯ หัวหน้าพรรค จะยังมีเก้าอี้รัฐมนตรีต่อไปหรือไม่เท่านั้น

แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ว่าจะเอาอย่างไร จะปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ ปรับแบบไหน และใช้ช่วงจังหวะเวลาใดดำเนินการหากมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อพิจารณาจาก “ไทม์มิ่ง”แล้วเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นหลังการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงปลายสมัยประชุม หรืออีกราวสองเดือนข้างหน้า

ดังนั้น หากให้สรุปอีกครั้งถึงความเป็นไปได้สำหรับการปรับคณะรัฐมนตรีนาทีนี้ เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ และเป็นไปได้สูงกว่านั้น ก็คือ น่าจะเป็น “ปรับใหญ่”พร้อมกันทีเดียว ซึ่งน่าจะรอจังหวะหลังการซักฟอกของฝ่ายค้านผ่านพ้นไปก่อน แม้ยังเชื่อว่าเป้าหมายหลักยังเป็นตัวนายกฯ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นเดิม เพราะต้องการโค่นล้มทั้งรัฐบาลก็ตาม แต่ก็พอเดาทางออกว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาแบบนี้แหละ !!