ยอดตายโควิด-19 สวีเดนพุ่งเกิน 4 พันศพ แต่หน่วยงานสาธารณสุขยังเชื่อมาถูกทางแล้ว

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005614001.JPEG

เอเอฟพี - สวีเดนเปิดเผยในวันจันทร์ (25 พ.ค.) ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เกินกว่า 4,000 คนแล้ว อย่างไรก็ตาม หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศ ยังยืนกรานว่า พวกเขามาถูกทางแล้ว ในการใช้แนวทางนุ่มนวลผ่อนปรนกว่าประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปหลายชาติ สำหรับรับมือกับโรคระบาดใหญ่

สำนักงานสาธารณสุขของสวีเดนยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จนถึงวันจันทร์ (25 พ.ค.) อยู่ที่ 33,843 คน เสียชีวิต 4,029 คน ในประเทศซึ่งมีประชากรราว 10.3 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้เสียชีวิตนั้นราว 90% เป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป

ตัวเลขผู้เสียชีวิตของสวีเดนสูงกว่าบรรดาประเทศเพื่อนบ้านแถบนอร์ดิกค่อนข้างมาก ในขณะที่เหล่าชาติเพื่อนบ้านล้วนบังคับใช้มาตรการกักกันโรคอันเข้มเข้น โดยจากข้อมูลของเอเอฟพีพบว่า สวีเดน มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 399 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วน นอร์เวย์ อยู่ที่ 43 คน, เดนมาร์ก 97 คน และฟินแลนด์ 55 คน ต่อประชากร 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม อัตราผู้เสียชีวิตในสวีเดน ยังน้อยกว่าประเทศอื่นๆ เมื่อเทียบต่อประชากร 1 ล้านคน อาทิ ฝรั่งเศสอยู่ที่ 435 ราย สหราชอาณาจักรกับอิตาลี เท่ากันที่ 542 คน และ สเปน 615 ราย

สวีเดนอนุญาตให้โรงเรียนสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ยังคงเปิดการเรียนการสอน ขณะที่คาเฟ่ บาร์ ร้านอาหารและธุรกิจต่างๆ เปิดบริการตามปกติ ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและสุขอนามัยที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาตรการเหล่านั้นล้วนอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ และจะมุ่งเน้นไปที่การปกป้องกลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงแทน

พวกนักวิจารณ์กล่าวหาเจ้าหน้าที่สวีเดนว่าเอาชีวิตพลเมืองเป็นเดิมพัน ด้วยการไม่ยอมกำหนดมาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานสาธารณสุขของสวีเดน ย้ำว่า แนวทางของพวกเขามีความยั่งยืนกว่าในระยะยาว และบอกว่ามาตรการต่างๆ ในระยะสั้นๆ นั้น ไม่มีประสิทธิผลเพียงพอเมื่อเทียบกับผลกระทบทางสังคม

อันเดรส เทกเนล หัวหน้าหน่วยงานระบาดวิทยาของสวีเดน ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้รัฐบาลใช้มาตรการต่างๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจในการต่อสู้กับไวรัส แทนที่จะบังคับล็อกดาวน์เหมือนประเทศอื่นๆ ระบุว่า การเอายอดผู้เสียชีวิตของสวีเดนไปเปรียบเทียบกับชาติอื่นๆนั้น ควรทำด้วยความระมัดระวัง

“ในสวีเดน ใครก็ตามที่ถูกวินิจฉัยว่าติดโควิด-19 และเสียชีวิตภายใน 30 วันหลังจากนั้น จะถูกเรียกว่าเป็นเคสโควิด-19 โดยไม่คำนึงถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง และเรารู้ว่ามีประเทศอื่นๆหลายชาติใช้แนวทางอื่นที่ต่างออกไปในการนับจำนวนผู้เสียชีวิต” เทกเนล กล่าว พร้อมยืนกรานว่าแม้หากบังคับใช้มาตรการที่เข้มข้นก็คงไม่อาจปกป้องชีวิตชาวสวีเดนได้มากกว่านี้

ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดของสวีเดนนั้น มีอยู่ถึง 3 ใน 4 ที่เสียชีวิต ณ บ้านพักคนชราหรือไม่ก็เสียชีวิตระหว่างรักษาตัวอยู่ที่บ้าน

เทกเนล เน้นว่า ได้มีคำสั่งห้ามเดินทางไปเยี่ยมบ้านพักคนชรามาตั้งแต่เดือนมีนาคม แต่ผู้พักอาศัยคนชราก็ยังจำเป็นต้องติดต่อกับผู้ดูแลเป็นประจำ และเชื่อว่าผู้ดูแลเหล่านี้เองที่เป็นตัวแพร่เชื้อตามบ้านพักคนชราทั้งหลาย

“ผมไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้หรือไม่” เขากล่าว อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า การที่ประเทศของเขาต้องมาลงเอยกับสถานการณ์อันน่าสยดสยอง เป็นสิ่งตอกย้ำอย่างดีเกี่ยวกับ “ความอ่อนแอในระบบดูแลคนชราของเรา” โดยชี้ว่าในระยะแรกบ้านพักคนชราทั้งหลายไม่ยอมปฏิบัติตามกฎระเบียบสุขอนามัยพื้นฐานที่จะช่วยสกัดการแพร่ระบาด แต่นับตั้งแต่นั้นสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว