https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200525/news_QomhRSPKWA205309_533.jpg?v=20200526054

จับกุม'เลขาฯ-กรรมการ'พรรคดัง ฉ้อโกงลงทุนสูญ75ล.-ยังปฏิเสธ

บุกจับเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ตุ๋นเงินลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ 2 ฝั่งโขง ประชาชนหลงเชื่อ เสียหายกว่า 75 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทรสินธุ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี แถลงข่าวการจับกุม 1.นายธนวัสถ์ นิลธนะพันธ์ หรือ บอสอมร อายุ 58 ปี เลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.72/2563 ลงวันที่ 28 เม.ย.63 และ 2.นางเปี่ยมสุข แก้วมงคล หรือ บอสอุ้ม อายุ 52 ปี กรรมการบริหารพรรคการความหวังใหม่ ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ที่ จ.73/2563 ลงวันที่ 28 เม.ย.63 ในข้อกล่าวหา "ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ประชาชน" พร้อมตรวจยึด 1.สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ ทั้งของไทย และสปป.ลาว จำนวน 128 เล่ม 2.บัตรกดเงินสด ATM จำนวน 69 ใบ 3.โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต 5 เครื่อง 4.เอกสารประกอบการนำเสนอโครงการร่วมลงทุนโครงการ "พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ 2 ฝั่งโขง" จำนวน 1 ชุด

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200525/news_RbmoxLKqQp205626_533.jpg?v=20200526054?v=3676

พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวว่า โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย. น.ส.เอ (นามสมมุติ) ชาวบ้าน ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาพสินธุ์ ประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ว่า เมื่อประมาณเดือนพ.ค.62 ได้มี นายธนวัสถ์ นิลธนะพันธ์ และภรรยา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้รับเหมาด้วยกันได้มีการชักชวนให้ร่วมลงทุนในโครงการ "พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ 2 ฝั่งโขง" ในท้องที่ ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย โดยอ้างว่า มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 795,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการร่วมกันระหว่างประเทศไทย และสปป.ลาว  

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200525/news_jXRSQBRmUy205308_533.jpg?v=20200526054?v=3711

ซึ่งในการดำเนินการในโครงการดังกล่าวนั้น หากต้องการร่วมในการลงทุน ผู้ร่วมลงทุนจะต้องจัดซื้อที่ดินรวมเพื่อดำเนินการจำนวน 3,000 ไร่ ซึ่งทางกลุ่มผู้ต้องหาได้อ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้น ที่ดินอยู่ในราคาไร่ละ 25 ล้านบาท ต้องใช้งบประมาณในการลงทุน 8,500 ล้านบาท และเมื่อสามารถขายโครงการได้จะได้กำไรหลายล้านบาท และทางกลุ่มผู้ต้องหายังว่าเงินที่ซื้อโครงการดังกล่าว ธนาคารโลกได้โอนผ่านมายัง สปป.ลาว แล้ว และกลุ่มผู้ต้องหามีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวได้ และมีการนำภาพถ่ายของผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองมาแสดงเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ  

ซึ่งหากผู้ใดที่ร่วมลงทุนจะปันผลกำไรจากการร่วมลงทุนจากการจัดซื้อที่ดิน ช่วงแรกมีการเสนอการร่วมลงทุน 1,000 บาท จะได้ค่าตอบแทน 5 ล้านบาท และยังมีการเสนอโปรโมชั่นเพิ่มผลกำไรในการลงทุนอีกหลายรูปแบบ เช่น ลงทุน 1,000 บาท จะได้ค่าตอบแทน ตั้งแต่ 8 ล้านบาท ไปจนถึง 16 ล้านบาท ทำให้มีผู้เสียหายหลายคนหลงเชื่อ และระดมเงินเพื่อร่วมลงทุนหลายราย ซึ่งหลังจากที่มีการร่วมระดมทุนในการจัดซื้อที่ดินแล้ว ประมาณปลายเดือน ม.ค.63 กลุ่มผู้ต้องหาได้อ้างว่าเงินจากโครงการที่ได้มีการชักชวนนั้นกำลังจะมีการอนุมัติและโอนจ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุนเพื่อต้องการให้ผู้ที่ร่วมลงทุนได้รับเงินปันผลมากขึ้น และเป็นการทดสอบระบบการเบิกจ่ายเงิน จะต้องร่วมลงทุนในระบบชื่อว่า "โปรโบนัสเทสระบบ" ซึ่งหากลงทุน 1,000 บาท จะได้เงินปันผล 15 ล้านบาท

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200525/news_eurpbfBxFT205309_533.jpg?v=20200526054?v=5505

โดยการนำเสนอโครงการของกลุ่มผู้ต้องหานั้น มีการผัดผ่อนและอ้างเหตุผลในการจ่ายเงินให้กับผู้ร่วมลงทุนมาโดยตลอด จนถึงเดือนมี.ค.63 กลุ่มผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกับกลุ่มผู้ต้องหาได้จึงมั่นใจว่าถูกหลอก เมื่อรวมมูลค่าความเสียหายที่มีผู้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ พบว่ามีมูลค่าความเสียหายรวมสูงถึง 75 ล้านบาท จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดอุดรธานี

ต่อมาสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมีเนียมในซอยลาดพร้ว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ จึงนำหมายค้นของศาลอาญาที่ ค.312/2563 ลงวันที่ 13 พ.ค.63 เข้าทำการตรวจค้นพบผู้ต้องหาทั้ง 2 กำลังเก็บของเพื่อย้ายที่อยู่หลบหนี จากการตรวจค้นพบสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ บัตรกดเงินสด พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ และภาพถ่าย ภาพการสนทนาระหว่างกลุ่มผู้ต้องหาและบุคคลที่มีชื่อเสียง 

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200525/news_egPZooMHHG205310_533.jpg?v=20200526054?v=1460https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20200525/news_egPZooMHHG205310_533.jpg?v=20200526054?v=1460

ซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การยอมรับว่า เป็นผู้ที่ชักชวนให้กลุ่มผู้เสียหายร่วมลงทุนจริง แต่ให้การปฏิเสธ บอกว่าโครงการดังกล่าวมีอยู่จริง ไม่ได้มีเจตนาในการหลอกลวง แต่เงินตามโครงการนั้นอยู่ในช่วงระหว่างดำเนินการเบิกจ่าย ทางเจ้าหน้าที่จึงจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานี และตรวจยึดของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินการตามกภูหมาย และจากการขยายผลเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีมากกว่า 100 ล้านบาท จึงเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ได้รับความสียหาย หากผู้เสียหายรายใดได้เคยถูกก่อเหตุในลักษณะแผนประทุษกรรมเดียวกัน สามารถติดต่อแจ้งความเพิ่มได้ที่กองกำกับการสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี.