งบพิเศษวัดอนาคตประเทศ...

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005597101.JPEG

สัปดาห์นี้แหละ สมาชิกสภาผู้แทนฯ จะอภิปรายงบเยียวยาประชาชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะตรวจสอบว่างบมหาศาลรัฐบาลจัดมาทั้งกู้และจากแบงก์ชาติภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะใช้จ่ายอย่างไร

ดูว่าจะมีโอกาสรั่วไหล มีใครจ้องงาบหัวคิว เงินทอน เงินปากถุงอะไรหรือไม่?

ยอดเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท และกว่าครึ่งเป็นการใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยาชาวบ้านทั่วไป ธุรกิจเอกชน บริษัทซึ่งได้ออกตราสารหนี้ หุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเกือบทุกประเทศทั่วโลกก็ทำกัน ยอดเงินมากกว่านี้เยอะ

เฉพาะสหรัฐฯ ประเทศเดียวก็อัดเข้าไปหลายล้านล้านดอลลาร์ และยังไม่จบ ยังจะต้องทุ่มไปอีกเยอะ เมื่อยังไม่มีท่าทีว่าการระบาดจะหยุดยั้ง ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนป้องกันและยารักษาโควิด-19 ที่ได้ผล ประชาคมโลกมั่นใจได้แน่

รัฐบาลคณะ 3 ลุง ต้องแบกภาระหนักกับความเร่งด่วน 2 ประการ นั่นคือการหยุดการระบาดให้อยู่ในสภาพที่มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการเกิดระลอก 2 และการหามาตรการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งอยู่ในสภาวะตายซากก่อนโควิด-19 มาเยือนด้วยซ้ำ

จะเร่งปลดล็อกมาตรการคุมเข้มต่างๆ โดยเร็ว ก็ยังมีคนหวั่นว่าจะระบาดรอบใหม่ ยิ่งมีความจำเป็นต้องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและการสัญจรนานาชาติ ก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจ เพราะการระบาดยังเวียนไปทวีปต่างๆ มีทั้งคนป่วยใหม่ คนตายรายวัน

ประเทศไทยอยู่ในสภาวะที่ดี มีคนติดเชื้อในประเทศน้อย หรือแทบไม่ปรากฏ ถ้าจะมีก็มาจากผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ซึ่งต้องอยู่ในกระบวนการเฝ้าระวัง ทำให้โอกาสที่จะเริ่มก้าวใหม่กับการกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถทำได้ก่อนประเทศอื่นๆ

สหรัฐอเมริกา ยุโรป และอีกหลายประเทศ ยังมีการระบาด แต่ก็รอไม่ได้ ต้องให้เศรษฐกิจเดินหน้าดีกว่าปล่อยให้จมลึกไปกว่านี้ ทั้งนี้ต้องมีมาตรการคุมเข้ม และให้ชีวิตเดินหน้า โดยยอมรับว่าโรคนี้จะอยู่อีกนานจนกว่าจะมีวัคซีนและยารักษา

เมื่อ ส.ส.ขออภิปรายงบพิเศษที่ว่านี้ กะว่าจะนาน 5 วัน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ขอใช้เวลาเท่ากันในการพูดอภิปรายด้วย แต่คงจะเป็นการพูดเชิงบวก หรือชี้แนะบ้างให้ดูว่ามีราคา ภูมิปัญญา เพราะถ้าจะขอเชลียร์ซ้ำซาก ทำให้คนรู้สึกใค่ฮาก มันเกินไป

อภิปรายกี่วันตามพิธีการก็สุดแล้วแต่ คงขัดขวางการใช้งบไม่ได้ เพราะส่วนหนึ่งก็ได้ใช้ไปแล้ว เพียงแต่ว่าเอามาเข้าสภาฯ ให้ ส.ส.ได้รับรู้ รับรองเท่านั้น ที่จ่ายไปให้ชาวบ้านก็น่าจะหมดตั้งแต่วันแรกที่ได้รับ ดังนั้น ครบ 3 เดือนแล้วจะทำอย่างไร

ถึงอย่างไร คนว่างงานที่คาดกันว่าจะมีมากถึง 7 ล้านคนคงไม่มีโอกาสได้งานใหม่ สร้างรายได้ทันในเวลา 3 เดือนแน่ เพราะการฟื้นเศรษฐกิจจะหนักหนาสาหัสมาก ก่อนโควิดก็มีปัญหาสารพัด เศรษฐกิจคนระดับรากหญ้าตายซาก สิ้นอาชีพ

ถ้าจะฟื้นฟูด้วยแนวคิดแบบเก่า หวังพึ่งแต่ส่งออก การท่องเที่ยว คงเป็นไปได้ยากเพราะต้องปรับเปลี่ยนมากมาย รวมทั้งต้องมุ่งเน้นตลาดภายในประเทศ เพราะการค้าขายระหว่างประเทศจะต้องเผชิญกับความไม่สะดวกในการขนส่งสารพัด

ลำพังการแก้ไขปัญหาของเราเองที่คาราคาซังอยู่ก็แสนสาหัส เพราะมีเรื่องการด้อยโอกาส การเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ความยากจน การทุจริต คอร์รัปชัน ประพฤติมิชอบลามไปทุกระดับชั้นในหน่วยงานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ถ้ายังไม่ลดละเลิกการทุจริต พวกมีโอกาสจ้องแต่จะรุมทึ้งงบพิเศษ มองว่าเป็นลาภลอยอันโอชะ จะทุ่มงบลงเท่าไหร่คงเป็นการสูญเปล่า เศรษฐกิจจะถดถอย จมลึก จะหาใครมาลงทุนยาก ถ้ายังมีระบบวิ่งเต้นเส้นสายอิทธิพลวงใน ไม่โปร่งใส

การอภิปรายงบพิเศษครั้งนี้ อยากให้ ส.ส.รัฐบาลทำงานให้คุ้มค่าเงินภาษีของประชาชน ตรวจสอบอย่างจริงจัง อย่าแย่งกันสรรเสริญเยินยอ หรืออวยกันจนน่าเกลียด เพราะเงินที่กู้มาทุกคนต้องรับหน้าที่ชดใช้ ถึงโกงไปก็ต้องเอามาใช้หนี้ร่วม

ฝ่ายค้านต้องหาช่องทางตรวจสอบซักถามนั่นนี่โน่น เรื่องการใช้จ่าย ในสังคมการเมืองพัฒนาแล้ว ฝ่ายค้านจะเน้นการซักถามประเด็นความเหมาะสม คุ้มค่า เหมาะกับเวลาในการใช้จ่ายงบนั้นหรือไม่ และมีคนเท่าไหร่จะได้ประโยชน์

ในบ้านเรา การซักถามจะเสาะหาร่องรอยว่ามีการโกงกินเปอร์เซ็นต์ เงินทอน ตามน้ำ ทวนน้ำบ้างหรือไม่ และเป็นประเด็นหลัก เป้าหมายหลักด้วย เพราะ ส.ส.จะสลับเป็นทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ย่อมรู้ว่ามีการโกงกินแน่ๆ จึงรู้ทางกันดี

ปัญหาของรัฐบาลคือ การไม่สามารถรับประกันความโปร่งใส และห้ามการแสวงหาผลประโยชน์ได้ ถ้านักการเมืองไม่ได้รับผลตอบแทน เป็นพวกขี้เหงา ไม่มีใครเอาใจใสดูแล หัวหน้า เลขาธิการพรรค ไม่เก่งด้านมนุษยสัมพันธ์ จะมีปัญหาตีรวน

อย่างที่บอกว่า ส.ส.พลังประชารัฐ อ้างว่าอยากให้เปลี่ยนหัวหน้า เลขาฯ เพราะไม่สามารถให้ “ความอบอุ่น” ได้ ฟังแล้ว ยิ่งกว่าละครน้ำเน่า เพราะเสือหิวพูดไม่อายปาก และไม่ดูสารรูปตัวเองว่าเหมาะสมกับตำแหน่งเสนาบดีที่หมายปองหรือไม่

วิกฤต 2 เด้งครั้งนี้หนักหนาสาหัสกว่ายุคต้มยำกุ้ง เพราะคนยังสามารถไปมาหาสู่ ทำมาหากินได้ แต่ยุคโควิด-19 มีข้อจำกัดมาก ต้องเฝ้าระวังทุกฝีเก้า พลาดเมื่อไหร่ ติดเชื้อมี 2 อย่าง ถ้ารักษาไม่หาย ก็ตาย อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ทั่วโลก

ขอย้ำอีกครั้ง หัวหน้ารัฐบาลต้องให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่าการสร้างภาระติดพันก้อนมโหฬารครั้งนี้จะต้องไม่ให้รั่วไหล หรือกลุ่มทุรชนเข้ามาเอาส่วนแบ่งไปได้

การอภิปรายเป็นเพียงพิธีกรรมด้านกฎหมาย แต่ในใจผู้กุมอำนาจรัฐรู้ดีว่ามีผลงานเข้าตาประชาชนหรือไม่ การมีเสียงเชียร์จากพวก “ติ่ง” ไม่ได้ทำให้ดูดีขึ้น ผลสุดท้ายผลงานนั่นแหละจะเป็นตัวตัดสินว่าได้ทำให้ชาวบ้านมีกินหรืออด