https://s.isanook.com/hm/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2htLzAvdWQvNS8yNTU0OS90bmhvbWVwaWMyLmpwZw==.jpg

5 ข้อต้องคิดก่อนตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงนี้

หลายคนอาจจะกำลังคิดซื้อบ้าน ซื้อทาวน์เฮาส์ / ทาวน์โฮม หรือซื้อคอนโดในช่วงนี้ เพราะมีโปรโมชั่นดี ๆ ออกมากระตุ้นการตัดสินใจ ทั้งส่วนลด ของแถม ช่วยผ่อน อยู่ฟรี และอีกมากมาย จนเรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นโอกาสทองของผู้ซื้ออย่างแท้จริง

แต่การจะซื้อที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน และไม่ว่าจะเป็นการซื้อในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือช่วงเวลาหลังจากนี้ มีสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นหลายด้าน โดยเฉพาะ 5 ข้อต้องคิดดังต่อไปนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน

1. มีความพร้อมทางด้านการเงิน

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น แม้ว่าในช่วงนี้ที่อยู่อาศัยจะลดราคาและน่าซื้อ จนเรียกได้ว่าเป็น "โอกาสทอง" ของผู้ซื้อเลยก็ว่าได้ แต่ก็ใช่ว่าจะรีบด่วนตัดสินใจ เพราะโอกาสทองนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความพร้อมทางด้านการเงินเท่านั้น

ดังนั้นผู้ซื้อควรประเมินความพร้อมของตัวเองก่อน โดยเฉพาะความพร้อมทางด้านการเงิน ลองประมาณการใช้จ่ายของตัวเองในแต่ละเดือน รวมถึงภาระหนี้สินที่ถือครองอยู่ หากมีหนี้สินต่าง ๆ อยู่แล้ว เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อรถยนต์ ฯลฯ ยิ่งต้องระมัดระวังการใช้จ่าย

โดยไม่ควรมีหนี้สินเกิน 40% ของรายได้ เพราะนั่นหมายความว่าคุณเองมีเกณฑ์สุ่มเสี่ยงที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ในอนาคต รวมทั้งยังมีโอกาสน้อยที่ธนาคารต่าง ๆ จะอนุมัติการขอกู้สินเชื่อบ้านของคุณ

นอกจากมีความพร้อมทางด้านการเงินแล้ว ยังต้องมีความมั่นคงทางการเงิน ต้องมั่นใจว่าคุณจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เสี่ยงตกงาน หรือถูกลดเงินเดือน

2. มีเงินออม และเงินสำรองยามฉุกเฉิน

แม้ที่อยู่อาศัยจะหั่นราคา ลดโหดเหมือนโกรธโควิด-19 กระตุ้นต่อมให้ใครหลายคนอยากเป็นเจ้าของในช่วงนี้ แต่อย่าเพิ่งรีบร้อน เพราะนอกจากเรื่องของความพร้อมทางด้านการเงินแล้ว ควรจะต้องมีเงินออมไว้ส่วนหนึ่ง เพราะนอกจากราคาที่อยู่อาศัย ยังต้องเตรียมเงินออมอีกส่วนหนึ่งไว้จ่ายค่าอื่น ๆ อาทิ ค่าจอง ค่าธรรมเนียมการโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ต้องชำระเป็นเงินสด อาทิ

- ค่าจดจำนอง 1% ของมูลค่าที่จำนอง (จำนวนเงินกู้ทั้งหมด)

- ค่าธรรมเนียมการโอน 2% ของราคาประเมินหรือราคาขาย

- ค่าอากร 0.5% ของราคาซื้อขาย

สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาล ลดค่าธรรมเนียมการโอนบ้านและคอนโดจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนองสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก 1% เหลือ 0.01%

นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องหลังจากซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ ค่าส่วนกลาง ซึ่งบ้านหรือคอนโดบางโครงการจะเก็บล่วงหน้า 1 ปี ค่าประกันอัคคีภัย คุ้มครองความปลอดภัยของตัวบ้าน 0.1% ของราคาที่อยู่อาศัย ยังไม่นับรวมค่าตกแต่ง ที่ถึงแม้ว่าหลายโครงการจะสมนาคุณด้วยเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบ หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย แต่เชื่อเถอะว่าเมื่ออยู่อาศัยจริง หลายคนก็คงอยากตกแต่งเพิ่มเติม

3. ทำเลที่ตั้งต้องตอบโจทย์การอยู่อาศัย

ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการพิจาณาเลือกซื้อบ้านเดี่ยว ซื้อทาวน์เฮ้าส์ / ทาวน์โฮม หรือซื้อคอนโด ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลในการตัดสินใจเลือกทำเลที่แตกต่างกันออกไป ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นหลัก เช่น ความคุ้นเคย ใกล้ที่ทำงาน ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก หรือเดินทางสะดวก เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วน ใกล้รถไฟฟ้า

นอกจากนั้นหากต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน (ในช่วงนี้เหมาะกับการลงทุนระยะยาวมากกว่าการลงทุนระยะสั้น) คงต้องมองต่างมุม เพราะไม่ใช่ทุกทำเลจะเหมาะกับการลงทุนได้

การเลือกทำเลจึงต้องศึกษาและสำรวจความต้องการของตลาดและกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก ปัจจัยหลักก็คงหนีไม่พ้นเรื่องความสะดวกในการเดินทาง เช่น เป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้า หรือสะดวกในการใช้ชีวิต เช่น ใกล้ตลาดสดหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต ใกล้แหล่งท่องเที่ยว แหล่งพักผ่อน ใกล้แหล่งงาน สถานศึกษา โรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้สามารถกำหนดราคาค่าเช่าและราคาขายที่ได้ผลตอบแทนสูง

4. รูปแบบโครงการ

แม้จะมีรูปแบบโครงการให้เลือกหลากหลาย แต่การเลือกรูปแบบโครงการในปัจจุบันและต่อจากนี้ไป นอกจากความชอบและตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแล้ว คงต้องมองถึงการใช้ชีวิตในยุค New Normal หรือสภาวะปกติในรูปแบบใหม่ ซึ่งเราอาจจะได้ใช้ชีวิตอยู่ติดบ้านมากขึ้น ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing

ดังนั้นในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน คงต้องดูว่าผู้ประกอบการรายนั้น ๆ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับการอยู่อาศัยทั้งในวันนี้และอนาคตด้วย เช่น

- จำนวนยูนิตที่ไม่แออัดจนเกินไป

- พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น ไม่ใช่ Co-working Space หรือ Co-Kitchen ที่รวมคนจำนวนมาก ๆ มาอยู่ด้วยกัน

- มีสัญญาณ Wi-Fi ให้บริการในหลาย ๆ พื้นที่ เพื่อเอื้อต่อการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home และป้องกันการกระจุกตัวของคนในพื้นที่เดียวกัน

- มีมาตรการดูแลความสะอาด ป้องกันเชื้อโรค แม้จะไม่มีการะบาดของโรคก็ตาม

5. รูปแบบห้อง-รูปแบบบ้าน

จากรูปแบบโครงการ ก็ต้องเจาะลึกถึงพื้นที่ภายในห้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียมต้องรองรับการใช้ชีวิตที่ต้องอยู่ติดบ้านกันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาหลายคนคงได้ลอง Work From Home ทำงานจากที่บ้านกันมาบ้างแล้ว ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่ง New Normal ที่มีการปรับเปลี่ยน เพราะฉะนั้นจากเดิมที่มักให้ความสำคัญกับห้องนอน หรือห้องครัว อาจต้องให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงานมากขึ้น

รวมทั้งจากเดิมที่หลายคนอาจชอบห้องที่มีแปลนห้องแบบเปิดโล่ง ก็อาจจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับแปลนห้องที่มีการแบ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า

จะเห็นได้ว่าการซื้อบ้านมีหลายข้อให้ต้องพิจารณา ซึ่งปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยและไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยในปัจจุบัน นอกจากการการประเมินความพร้อมแล้วยังต้องทำความเข้าใจ ก่อนเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยที่มาพร้อมภาระหนี้ระยะยาว