“วัฒนา” โวยพวกต่ำทรามเอาคลิปเป็นเครื่องมือ “โบว์” ลั่นไม่เคยเป็นเมียน้อย แจงยังเป็นเพื่อนที่ดี

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005575501.JPEG

แกนนำเพื่อไทยโวยฝ่ายตรงข้าม เอาคลิปมาเป็นเครื่องมือทั้งที่ไม่เกี่ยวกับงาน ซัดใช้วิธีต่ำทราม ชี้ความสัมพันธ์แกนนำคนอยากเลือกตั้งเรื่องส่วนตัว ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย ด้านฝ่ายหญิงแจงไม่ได้เป็นเมียน้อยใคร เพราะฝ่ายชายเลิกกับภรรยาคนก่อนหน้าไปแล้ว ย้ำลดสัมพันธ์เมื่อปลายปี ยังเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความกรณีความสัมพันธ์กับ โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ว่า “พวกคุณหาว่าผมเป็นนักการเมืองด่าประชาชน สาเหตุเพราะพวกคุณใช้วิธีต่ำทราม เอาคลิประหว่างผมกับคุณโบว์มาเป็นเครื่องมือทั้งที่ไม่เกี่ยวกับงาน ที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดเรื่องนี้ เพราะไม่ต้องการไปดึงเอาเธอมาเสียหายด้วย แต่ผมคิดผิดเพราะพวกคุณต่ำทรามเหมือนคนที่คุณกำลังเชียร์ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณโบว์เป็นเรื่องส่วนตัว เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์ใจในที่รโหฐาน และไม่ได้ทำความเสียหายให้ใคร ที่ผ่านมา ผมเฉยเพราะไม่อยากให้เธอเสียหาย แต่ผมคิดผิดเพราะพวกคุณก็ไม่เคยหยุดใช้วิธีโคตรต่ำกับเพศแม่ ต้องขอโทษที่เธอต้องมาซวยเพราะผม”

นายวัฒนา ยังกล่าวอีกว่า “ในชีวิตผมไม่เคยเอาเรื่องส่วนตัวของใครมาพูด ผมสู้ทางการเมืองและยอมรับความเห็นต่าง ไม่เคยตอบโต้หากสู้กันด้วยปัญญาและสุภาพ แม้บางคนอาจจะเอาเรื่องคดีของผมมาดิสเครดิต แต่ผมก็ไม่ตอบโต้เพราะเป็นเรื่องของงานที่ผมมีหน้าที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งขณะนี้ผมก็สู้คดีอยู่ในศาลไม่ได้ไปไหน เปิดหน้าสู้กับผมแบบที่ผมสู้กับเผด็จการพวกคุณเชียร์ หยุดการคุกคามเอาคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นเครื่องมือ ที่ผมเฉยเพราะคิดว่าพวกคุณจะสำนึกแต่ผมเข้าใจผิดเพราะพวกคุณไม่ใช่คน เป็นไอโอทหารที่ความคิดต่ำเหมือนคนที่คุณเชียร์ โง่หน้าด้าน เก่งกับผู้หญิงและประชาชนมือเปล่า โคตรกระจอกว่ะ”

https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005575503.JPEG

ก่อนหน้านี้ น.ส.ณัฏฐา โพสต์ข้อความเปิดเผยว่า ตนได้ยุติความสัมพันธ์กับนายวัฒนาไปเมื่อปลายปี 2562 นอกจากเหตุของการถูกคุกคามต่างๆ และการที่ได้ทราบว่าภรรยาคนแรกยังมีอิทธิพลในชีวิตของฝ่ายชาย อยู่ในระดับที่ตนไม่ค่อยสะดวกใจแล้ว ก็คือความรู้สึกบั่นทอนจากความไม่เท่าเทียม ในเรื่องเดียวกันผู้หญิงถูกกระทำหนักกว่ามาก ในขณะที่ผู้ชายไม่ต้องรับแรงปะทะมากเท่า และเรารับมือกับมันด้วยตัวเองมาโดยตลอด จากคนที่ไม่เคยรู้สึกถึงความแตกต่างทางเพศมากนักในสังคมไทย ก็เลยค่อยๆ เข้าใจว่า สังคมชายเป็นใหญ่แปลว่าอะไร ทุกวันนี้ตนก็ยังถูกคุกคามอยู่ตลอด และอาจจะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต โชคดีที่การสนับสนุนจากคนมากมายทำให้เรามีพลังและมั่นใจในจุดยืนของตัวเอง ก่อนจะยกตัวอย่างกรณีที่ครูชาย 5 คน และศิษย์เก่าอีก 2 คน ข่มขืนกระทำชำเรานักเรียนวัย 14 ปีที่จังหวัดมุกดาหาร

หลังจากที่เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย นำโพสต์ข้อความดังกล่าวไปเผยแพร่ น.ส.ณัฏฐา ได้ชี้แจงอีกครั้ง ระบุว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตสมรสในอดีตของนายวัฒนา และปัจจุบันยังมีความเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน คุยกันปกติ แม้ตนจะลดระดับความสัมพันธ์ไปเมื่อปลายปี 2562 ก็เป็นเรื่องปกติของเราที่มีสิทธิจะเลือกออกแบบชีวิตตัวเอง นายวัฒนา เคยมีครอบครัวมาแล้ว 2 ครั้ง มีลูกรวม 4 คน นานก่อนที่เราจะเจอกัน ภรรยาคนที่สองก็จบกันด้วยดีก่อนเรารู้จักกัน คือ เรื่องปกติในชีวิตคน เช่นเดียวกับชีวิตตนเองที่แยกทางแต่รับผิดชอบดูแลลูกในฐานะพ่อแม่ จึงเป็นไม่ได้ที่ตนจะไปมีส่วนอะไรกับชีวิตสมรสของใคร ซึ่งแต่ละครอบครัวที่มีลูกด้วยกันย่อมมีเงื่อนไขของตัวเองในการดำเนินชีวิตต่อไป และเงื่อนไขเหล่านั้นคือสิ่งที่เราต้องพิจารณาในความสัมพันธ์ และเนื่องจากไม่ใช่รายละเอียดในครอบครัวของตน ตนจึงไม่ควรพูด

“ที่โบว์พูดได้คือ เราไม่เคยเป็นเมียน้อยใคร และหากจะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้สังคมเข้าใจไปแบบนั้น ไม่ว่าปัจจุบันหรือในอนาคต โบว์ก็คงไม่เลือกทางแบบนั้นให้ชีวิตตัวเอง ดังนั้น คนที่อยากแปะฉลากเมียน้อยให้เรา ควรเก็บจินตนาการแบบละครหลังข่าวไว้ใช้กับเรื่องของตัวเอง ชีวิตโบว์ไม่เคยมีความจำเป็นต้องทำอะไรอย่างนั้น และหากจะสามารถดึงความสนใจทุกคนกลับสู่ประเด็นหลักในโพสต์ต้นฉบับของโบว์ได้ ก็อยากจะย้ำว่า พฤติกรรมการซ้ำเติมเหยื่ออาชญากรรมที่หลายคนกำลังทำอยู่ เป็นเหตุทำให้เกิดเหยื่อในอนาคต เพราะการถูกถ่ายคลิปทำลายชื่อเสียงจะสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อเหยื่อรายต่อไปไม่สิ้นสุด เพราะเขารู้ว่าเหยื่อจะหวาดกลัวการถูกทำลายโดยสังคมอย่างไร” น.ส.ณัฏฐา กล่าว

น.ส.ณัฏฐา กล่าวว่า ตนต่อสู้มาตั้งแต่วันแรกที่ถูกเผยแพร่ภาพที่ถูกแอบถ่ายมาจนถึงทุกวันนี้ เพื่อให้เหยื่อในอนาคตได้เห็นเป็นตัวอย่างว่าเราสามารถลุกขึ้นพูดเพื่อให้อาชญากรไม่สามารถได้สิ่งที่ต้องการ น่าเสียดายที่คนจำนวนหนึ่งแยกแยะไม่ได้ว่าอะไรคือสิ่งผิด และใช้ผลงานของอาชญากรซ้ำเติมเหยื่อ ให้เกิดบรรทัดฐานที่ดักดานในสังคมเรื่อยมา คนที่จะต้องรับกรรมก็คือเหยื่อคนต่อไป ซึ่งอาจเป็นลูกหลานของคุณเอง ฝากให้ค่อยๆ อ่านกันอีกครั้ง

https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000005575504.JPEG