ร้านบรรยากาศดี เจ้าของร้านอารมณ์ดี ตั้งอยู่กลางเมือง
ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์ ประทับใจร้านนี้เพราะมีต้นไม้ใหญ่ในร้านร่มรื่นมาก รสชาติอาหารใช้ได้ ราคาไม่แรง และที่สำคัญคือ เจ้าของร้าน พูดได้ 6 ภาษา เป็นมิตรมากครับ
มีร้านอาหารที่ผมได้ไปรับประทานมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์ ที่ประทับใจร้านนี้เพราะมีต้นไม้ใหญ่ในร้านร่มรื่นมาก รสชาติอาหารใช้ได้ ราคาไม่แรง และที่สำคัญคือ เจ้าของร้าน คุณ Ahmed ชาวตุรกี พูดได้ 6 ภาษา เป็นมิตรมากครับ ผมได้พูดคุยถึงที่มาของร้าน The 51 Tasty Moments แล้วรู้สึกประทับใจ
แต่ก่อนอื่นผมขอบอกเส้นทางกันก่อนครับว่า ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ไหน จำง่าย 51 คือชื่อซอยสุขุมวิท 51 นั่นเองครับ วันนั้นผมไปรถไฟฟ้า ลงสถานีทองหล่อ ทางออกที่ 1 เดินมาทางโรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep แล้วโทรเรียกรถตุ๊กตุ๊กของร้านมารับที่หน้าปากซอยได้เลยครับ (เบอร์ 098-870-7051) จากปากซอยเข้าไปที่ร้านระยะทางประมาณ 550 เมตร ถ้าจะขับรถไปก็มีที่จอดครับ แต่จำนวนจำกัด
แนะนำเมนูเลยดีกว่า เปิดเบาๆ ด้วย Salmon Avocado Salad ผมชิมจานแรกและกลายเป็นเมนูที่ประทับใจที่สุดสำหรับ appetizer ครับ ปกติอะโวคาโดจะไปได้ดีกับแซลมอนอยู่แล้วครับ แต่จานนี้ทำอะโวคาโดได้น่าสนใจ มีการปรุงรสกับบัลซามิกได้กลมกล่อม จะคลุกกินแบบสลัดก็ได้ บีบเลม่อนให้โดนแซลมอนสักนิดอร่อยเลยครับ หรือจะนำอะโวคาโดและแซลมอน รวมถึงเมล็ดถั่วแระญี่ปุ่นวางบนใบ baby lettuce แล้วกินแบบเมี่ยงก็ได้ครับ ใครชอบแนวชีสและแฮม มีตู้สำหรับ Cold Cut โดยเฉพาะเลยครับ เสิร์ฟมาบนถาดไม้อย่างสวยงาม
ผมได้ลองเมนูพาสต้า Linguine Fruits De Mer เป็นพาสต้าซีฟู้ด ใช้เส้นลิงกวินี่ผัดกับกุ้ง หมึก หอย แต่เมนูเตือนไว้ก่อนนะครับว่าแซ่บเพราะมีพริกผัดแห้งด้วย เป็นการผสมผสานตะวันตกและตะวันออกได้ดีครับ มาถึง main course ผมสั่ง Lamb Rack ผมชอบกินแกะครับ เชฟบอกว่าทำสไตล์ฝรั่งเศส โดยนำซี่โครงแกะไปจี่ในกระทะให้ด้านนอกไม่ได้เกรียมมาก อบทั้งซี่โครงกับโรสแมรี่และกระเทียมเพื่อดับกลิ่นคาว ปล่อยทิ้งไว้สักพักยังไม่ตัดทันทีให้เนื้อฉ่ำเด้งก่อนตัด พอจานนี้มาเสิร์ฟ ผมเห็นด้านในยังแดงอยู่เลย โหดมาก…ติดมันนิด ๆ ชอบมากครับ มีซอสไวน์แดงคู่มาด้วย
แต่ที่ผมสนใจคือ สิ่งที่อยู่ใต้ซี่โครงแกะคืออะไร ลองชิมดูปรากฏว่าเป็นมะเขือม่วงปรุงรสได้อร่อยมากครับ เชฟบอกว่าอันนี้เป็นการทำสไตล์ตุรกี โดยนำมะเขือม่วงไปเผาแล้วเอาเปลือกออก ใช้แต่เนื้อข้างในมาผสมกับครีมและนม จะได้รสชาติมัน ๆ ติดกลิ่นสโมคอยู่ …เรียกว่าต้องกินคู่กับเนื้อแกะไปด้วยเลย เข้ากันมาก ๆ ครับ ที่เซอร์ไพรส์อีกอย่างคือ มะเขือเทศยัดไส้ชีสน้ำมันมะกอกและเกล็ดขนมปังกรุบกรอบสไตล์โพรวองซ์ นอกจากเนื้อแกะจะฉ่ำแล้ว ผมว่าเครื่องเคียงร้านนี้แปลกดีไม่เหมือนใคร
ปิดท้ายด้วย Crème brûlée แต่งจานมาได้งดงามมากครับ คัสตาร์ดด้านล่างนุ่มรสละมุนหอมผิวเปลือกส้ม เคลือบด้วยคาราเมล
แข็งกลิ่นน้ำตาลไหม้ด้านบน วางผลส้มเช้งตกแต่งไว้ด้วย โดยรวมถือว่าร้านนี้อาหารดีเลยครับ มีทั้งอาหารฝรั่งเศส เมดิเตอร์เรเนี่ยน และเอเชี่ยนปน ๆ กัน ดูราคาอาหาร บรรยากาศโดยรวมของร้านแล้วอาจจะนึกว่าแพงกว่านี้ แถมยังมีช่วงอาหารกลางวันที่เป็นชุดราคา 320 บาท รวมเครื่องดื่ม และ Happy Hour สำหรับเครื่องดื่มและค็อกเทล ก่อนเวลาหนึ่งทุ่ม ดูราคาแล้วน่าดึงดูด ชวนเพื่อนมานั่งชิลล์ ร้าน The 51 tasty Moments พื้นที่กว้างมากครับราว 1 ไร่ ทำให้มีระยะห่างระหว่างโต๊ะ ทั้งด้านในและด้านนอกร้านพอสมควร เคยจัดงานปาร์ตี้แต่งงาน จุคนได้ราว 200 คนครับ เพราะฉะนั้นทำ Social Distancing ได้สบายมาก
และที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ผมประทับใจเจ้าของร้านและเรื่องราวของร้านนี้ เนื่องจากคุณ Ahmed เกิดที่อิสตันบูล ประเทศตุรกีท่ามกลางธุรกิจร้านอาหารมาตั้งแต่เด็ก เขาเล่าว่าร้านของพ่อเขาชื่อ Adil Restaurant เป็นร้านอาหารทะเลที่ดังมากในยุคนั้น (ขนาด 350 ที่นั่ง) แทนที่เขาจะสืบทอดกิจการต่อจากพ่อ เมื่ออายุ 18 ปีเขากลับเลือกไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสด้านธุรกิจ
ปี 1994 เขาไปทำธุรกิจในประเทศจีน หลักจากนั้น 10 ปี คุณ Ahmed สูญเสียคุณพ่อและคุณแม่จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาอยากทำอะไรเพื่อระลึกถึงพ่อบ้าง แต่เขาก็ยังทำงานอยู่ที่ประเทศจีนและ ปี 2011 ได้ขยายสาขามาที่กัมพูชา แต่ทางกัมพูชาทำออกมาได้ไม่ดีนัก เขาจึงขายกิจการทิ้งไปและตามลูกชายคนโตมาอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ไม่ทันไร ลูกชายเขาก็ย้ายไปลอนดอน (เหมือนที่เขาเคยทำกับพ่อตอนเป็นวัยรุ่น) อย่างไรก็ตาม เขาและภรรยาเลือกที่จะอยู่เมืองไทยและให้ลูกสาวคนรองและลูกชายคนเล็กเรียนหนังสือที่นี่ต่อ โดยเขาก็บินไปดูธุรกิจที่ประเทศจีนทุกเดือน
จนในที่สุด คุณ Ahmed นึกถึงพ่อ เขาจึงทำร้านอาหารนี้ขึ้นมา อยากให้มีบรรยากาศสบาย ๆ อาหารอร่อยและไม่แพงเกินไป ได้เจอลูกค้าเหมือนเจอเพื่อนทุกวัน คุณ Ahmed บอกว่า เขาทำร้านนี้ครบหนึ่งปีพอดี ลูกค้าที่นี่เกินครึ่งเป็นต่างชาติ ถ้าเป็นตอนกลางวันจะเป็นชาวญี่ปุ่นมารับประทานอาหารกลางวัน แต่ถ้ามื้อเย็นจะเป็นฝรั่งชาวตะวันตกที่มานั่งชิลล์ด้านนอก และก็มีคนไทยมารับประทานอาหารเย็น เขาดีใจทุกครั้งเมื่อมีลูกค้าที่เคยมากินแล้วกลับมาอุดหนุนอีก อ้อ..แล้วคุณ Ahmed นี่พูดได้ถึง 6 ภาษาเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส ตุรกี นี่คล่องเลย พอพูดได้บ้างอย่างจีน เยอรมัน และอิตาเลี่ยน ผมเชื่อว่าถ้าคุณ Ahmed อยู่ต่ออีกสักพัก คงได้ภาษาไทยแน่นอนครับ
หวังว่าสถานการณ์โรคระบาดจะดีขึ้น รัฐเริ่มมาตรการผ่อนคลาย ถ้าใครอยู่ในเมืองไม่รีบกลับบ้าน นั่งรถไฟฟ้ามากินข้าวเย็น และพักผ่อนที่ร้านนี้ ผมว่าสะดวกสบายมาก ๆ ครับ ถ้ามาคนเดียวไม่มีคนคุยด้วย เจอเจ้าของร้านก็เข้าไปคุยกับเขาได้เลยครับ คุยเก่งคุยสนุก รับรองไม่เหงาแน่ ๆ ครับ นอกจากว่าคุณจะมาวันจันทร์แล้วไม่เจอคุณ Ahmed แน่ ๆ เพราะร้านปิดครับ
.......................................
คอลัมน์ : ก้อนเมฆเล่าเรื่อง
โดย “น้าเมฆ”
หนังสือเด็กก้อนเมฆ