ปมตึงเครียดสหรัฐ-จีน ดุลบัญชีเดินสะพัดชี้ทิศทางบาท
“จิติพล”มองกรอบเงินบาทวันนี้เคลื่อนไหว 31.80-32.00 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐ จับตาตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่ประกาศ 29 พ.ค.นี้ ระบุหากอยู่ระดับสูงหนุนบาทแข็ง พร้อมเกาะติดปมตรึงเครียดสหรัฐ-จีน
ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดการเงินและการลงทุน บล. ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กรอบเงินบาทวันนี้ 31.80-32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับสัปดาห์นี้เชื่อว่าตลาดจะซื้อขายอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน การประท้วงที่ฮ่องกง และการเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเว้นระยะห่างทางสังคมในหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม ตลาดจะเริ่มสัปดาห์ด้วยความผันผวนต่ำ เพราะวันจันทร์เป็นวันหยุดทำการ Memorial Day เมื่อกลับมาเปิดทำการ ตลาดน่าจะมองทิศทางของบอนด์สหรัฐเป็นหลัก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมายีลด์ 10ปี เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ 0.65-0.74% เท่านั้น ซึ่งถ้ายีลด์เคลื่อนไหวไม่ว่าฝั่งขึ้นหรือลง ถึงจะส่งผลให้ราคาทองคำ และเงินดอลลาร์ขยับตัวตาม
ส่วนในวันพุธ ความน่าสนใจก็จะย้ายไปอยู่ในฝั่งของยุโรปโดยประธาน ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB นางคริสตีน ลาการ์ด จะมีการตอบคำถามในทวิตเตอร์ #AskECB ซึ่งตลาดมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ ECB จะต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายในเดือนหน้า
ขณะที่ฝั่งของตลาดเงินเอเชีย ความสนใจจะไปรวมอยู่ที่ทิศทางค่าเงินหยวนในภาวะที่มีความขัดแย้งทางการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศมากมาย ซึ่งหนุนให้เงินหยวนอ่อนค่าแตะระดับ 7.14 หยวนต่อดอลลาร์ในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน
โดยมองว่าจุดอ่อนหลักของสกุลเงินหยวนและสกุลเงินเอเชียในรอบนี้ อยู่ที่ภาคการค้าระหว่างประเทศที่จะไม่กลับมาเหมือนเดิม ขณะเดียวกันปัญหา การประท้วงในฮ่องกง ก็สามารถสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้น จนอาจลดความน่าสนใจของสกุลเงินเอเชียที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไปด้วย
อย่างไรก็ดี ในฝั่งของเงินบาท ต้องจับตาการประกาศดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) ของไทยในวันศุกร์ที่ 29 พ.ค.ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพราะตัวเลขการค้า มีการนำเข้าเชื้อเพลิงที่ลดลงและการส่งออกทองคำเข้ามาหนุน ระยะนี้จึงมีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทแข็งค่ามากกว่าสกุลเงินเอเชียอื่น ถ้าดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นบวกสูง
ขณะเดียวกันแนวโน้มการจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียนก็อยู่ในดับต่ำกว่าทุกปีจึงทำให้เงินบาทไม่อ่อนค่าตามฤดูกาล เหลือเพียงทิศทางการซื้อเงินดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการในประเทศจากต่างชาติของนักลงทุนไทยเท่านั้นที่อาจผลักให้เงินบาทกลับไปอ่อนค่าในระยะสั้นได้