ถอดบทเรียนขอทานในอดีต สู่การตุ๋นเงินรูปแบบใหม่
จากอดีตแก๊งขอทานเช่าเด็กไปนั่งขอเงินนักท่องเที่ยว สู่อาชญากรรมรูปแบบใหม่ ขอเด็กไปเลี้ยงจนป่วย ถ่ายรูปถ่ายคลิปให้ดูน่าสงสาร เพื่อให้ยอดขายของออนไลน์พุ่ง สุดท้ายได้เงินนับล้าน ขณะที่เด็กอาจทรมานจนถึงแก่ความตาย
คนไทยเป็นชนชาติที่มีน้ำใจ รักความสงบ และมีความสามัคคี นักท่องเที่ยวต่างชาติล้วนให้ความชื่นชม เมื่อเดินทางมาเยือนเมืองไทยแล้วก็อยากจะกลับมาเที่ยวอีก เพราะเห็นความดีงามเหล่านี้ แต่เพราะในดีมีเสีย และในเสียย่อมมีดี เหล่ามิจฉาชีพจึงอาศัยช่องทางในการหลอกเอาเงินได้ง่าย จากความมีน้ำใจดังกล่าว เช่น การให้เด็ก ๆ ไปนั่งขอทานตามสถานที่ต่าง ๆ
ถึงแม้จะมีกฎหมายควบคุมขอทาน ตามกฎหมายแยกผู้แสดงความสามารถ ออกจากผู้ทำการขอทาน พร้อมกำหนดความผิดทางอาญาแก่ผู้แสวงหาประโยชน์ จากการขอทาน โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วก็ตาม แต่ก็ยังพบเห็นขอทานตามแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญอยู่เสมอ
ยกตัวอย่าง ในคดีจับแก๊งขอทานเด็กในจ.เชียงใหม่ ช่วงกลางปี 2562 โดยชาวบ้านในทนเห็นภาพลักษณ์ประเทศเสียหายไม่ไหว แจ้งไปยังฝ่ายงานเกี่ยวข้องให้เร่งเข้าปราบปราม "แก๊งขอทานชาวต่างด้าว" ที่นำบุตรหลานมานั่งขอทานตามแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ภายหลังตำรวจเชียงใหม่ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ร่วมกันบุกทลายแหล่งพักพิงในพื้นที่ห้องเช่าย่าน ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ช่วยเหลือเด็ก ๆ ไว้ได้ 10 ราย
จากการสอบสวนพบว่า "...เด็ก ๆ เหล่านี้เป็นลูกหลานแรงงานก่อสร้างต่างด้าว ถูกเช่ามาด้วยเงิน 60 บาทต่อวัน เพื่อให้มานั่งขอทานจากผู้ใจบุญ และนักท่องเที่ยวใจดี..." นอกจากนี้ยังมีเคสจับกุมผัว-เมีย หว่านล้อมหลอกพ่อแม่เด็กที่เวียดนามกับกัมพูชาว่าจะพามาทำงานเงินดี สุดท้ายใช้แรงงานเยี่ยงทาส ให้ไปนั่งขอทานในพื้นที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต
แต่ล่าสุดได้มีกรณีที่ต้องศึกษาขึ้นอีก หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม นำกำลังบุกจับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ แม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี ชาวกทม. ในข้อหา "รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน"
รูปแบบพฤติกรรมเป็นลักษณะการรับเด็กมาเลี้ยงเพื่อหวังผลโยชน์ เพียงแต่ครั้งนี้ร้ายแรงกว่า เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีการกระทำทารุนกรรมให้เกิดความน่าสงสาร ก่อนถ่ายคลิปและภาพไปลงในโซเชียล หวังให้ประชาชนจำนวนมากที่เข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์พบเห็น ซึ่งส่วนใหญ่มีจิตใจเมตตาอยากช่วยเหลือ
เมื่อผู้ต้องหาประกาศขายสินค้าเพื่อแลกกับเงินช่วย จึงทำให้เหล่าผู้ใจบุญเข้าไปซื้อกันอย่างล้นหลามรวมเป็นเงินหลายล้านบาท ขณะที่สินค้าที่สั่งซื้อไป....กลับกลายเป็นเพียงอากาศ เพราะผู้ต้องหาไม่ยอมจัดส่งไปให้แต่อย่างใด เมื่อถูกจับกุมแล้วได้ยอมรับสารภาพแต่โดยดีว่า...ฉ้อโกงประชาชนจริง
สำหรับเด็กน้อยที่กลายเป็นเหยื่อของคดีนี้ เริ่มจาก ด.ญ.อมยิ้ม ลูกบุญธรรมของ "แม่ปุ๊ก" ได้เกิดอาการผิดปกติ โดยแพทย์ตรวจพบสารเคมีฤทธิ์ออกฤทธิ์เป็น กรด คล้ายส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำในร่างกาย แม้จะพยายามยื้อชีวิตแต่สุดท้ายร่างกายทนไม่ไหวจบชีวิตในวัยเพียง 4 ขวบเท่านั้น ซึ่งต่อมา ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ซึ่ง "แม่ปุ๊ก" อ้างว่าเป็นลูกแท้ ๆ ก็เกิดอาการผิดปกติเช่นเดียวกับ ด.ญ.อมยิ้ม
นอกจากนี้ แม่ปุ๊ก ยังมีพฤติกรรมแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปิดบัญชีโดยใช้ชื่อ "แม่เอม" (แม่แท้ๆ ของ ด.ญ.อมยิ้ม) ก่อนโอนถ่ายเงินมาเข้าบัญชีตัวเอง รวมไปถึงเรื่องเล่าขณะที่ไปรพ.ช่วง ด.ญ.อมยิ้มอาการโคม่าถึงกับกระอักเลือด แทนที่จะร้องเรียกแพทย์หรือพยาบาลให้ช่วยเหลือลูกบุญธรรมโดยเร็ว กลับนำเอามือถือมาถ่ายรูปถ่ายคลิป จนสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้ที่พบเห็น
"....แม้คดีนี้ศาลยังไม่ตัดสินว่าใครผิดถูก แต่พฤติกรรมของผู้ต้องหากลับทำหลายฝ่ายต้องตระหนักถึงภัยคุกคามเด็กรูปแบบใหม่ คงไม่ใช่รายเดียว เคสเดียว หากคนไทยและเจ้าหน้าที่ยังไม่รู้เท่าทัน โอนไว-ช่วยไว...ได้บุญจริงหรือไม่ ควรพิจารณาให้ดี..."