ญี่ปุ่นเริ่มพาผู้โดยสารบางส่วนลงจากเรือสำราญ เบื้องต้นเฉพาะคนชราที่มีผลตรวจโควิด-19เป็นลบ

by
https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000001578001.JPEG

เอเอฟพี - ญี่ปุ่นในวันศุกร์(14ก.พ.) เริ่มอนุญาตให้พวกผู้โดยสารคนชราซึ่งมีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นลบ ออกจากเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส ที่อยู่ภายใต้การกักกัน และนำตัวไปกักกันต่อจนครบกำหนดเวลาในสถานที่ที่จัดเตรียมไว้โดยรัฐบาล

รัฐบาลญี่ปุ่นมอบโอกาสให้พวกผู้โดยสารอายุ 80 ปีขึ้นไปที่มีสุขภาพย่ำแย่หรือถูกกักตัวอยู่ภายในห้องที่ไม่มีหน้าต่างบนเรือไดมอด์ ปรินเซส ย้ายอออกจากเรือไปยังที่พักซึ่งอยู่บนผืนแผ่นดิน

อย่างไรก็ตามมาตรการนี้มีไว้สำหรับคนชราที่มีผลตรวจไวรัสโควิด-19ออกมาเป็นลบเท่านั้น ในขณะที่จนถึงตอนนี้บนเรือสำราญไดมอด์ ปรินเซส พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 200 คน

คนกลุ่มแรกถูกพาตัวลงจากเรือสำราญขนาดใหญ่ในตอนบ่ายวันศุกร์(14ก.พ.) จากนั้นก็ออกเดินทางไปพร้อมกับขบวนรถบัสที่ปิดม่านหน้าต่างไม่สามารถมองเห็นเข้าไปภายใน ส่วนคนขับสวมชุดป้องกันมิดชิด เช่นเดียวกับแว่นตาและหน้ากากอนามัย

เจ้าหน้าที่รัฐบาลรายหนึ่งเปิดเผยว่ามี 11 คนที่ออกเดินทาง แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะมีคนอื่นๆได้รับอนุญาตให้ลงจากเรือเพิ่มเติมอีกหรือไม่ในวันศุกร์(14ก.พ.)

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากตัวเลขของผู้โดยสารบนเรือที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเป็น 218 คน

กาคุ ฮาชิโมโตะ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขขึ้นไปบนเรือในตอนเช้าวันศูกร์(14ก.พ) เพื่อแจ้งว่าผู้โดยสารทุกคน "ที่พิจารณาแล้วว่ามีความเสี่ยงสูงในด้านสุขภาพทั่วๆไป ตอนนี้ก็จะถูกนำไปตรวจไวรัสเช่นกัน"

"พวกที่มีผลตรวจออกมาเป็นบวกจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังโรงพยาบาล ส่วนบุคคลที่มีผลตรวจออกมาเป็นลบจะถูกพาตัวลงจากเรือและเคลื่อนย้ายไปยังที่พักซึ่งจัดเตรียมไว้โดยรัฐบาล" เขากล่าว

มีผู้โดยสารและลูกเรือมากกว่า 3,700 คนที่อยู่บนเรือตอนที่มันเดินทางมาถึงชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่คนที่ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ถูกพาตัวลงจากเรือ เช่นเดียวกับคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆตามคำแนะนำของแพทย์

https://mpics.mgronline.com/pics/Images/563000001578002.JPEG

คัตซูโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีสาธารณสุขบอกว่าในบรรดาคนที่ถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนั้น ตอนนี้มีอยู่ 10 รายที่อาการสาหัส

นอกเหนือจากเคสต่างๆบนเรือสำราญลำดังกล่าวและเจ้าหน้าที่รายหนึ่งประจำศูนย์กักกันโรค เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นเผยว่าจนถึงตอนนี้มีคนอื่นๆอีก 39 คนที่ถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าโควิด-19

เคสผู้ติดเชื้อรายอื่นนั้น รวมไปถึงผู้หญิงวัย 80 ปีคนหนึ่ง ซึ่งมีผลตรวจออกมาเป็นบวกหลังจากเธอเสียชีวิตในโรงพยายาล โดยมีข่าวว่าเธอเป็นแม่ยายของคนขับแท็กซี่รายหนึ่งในกรุงโตเกียว ซึ่งถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสเช่นกัน

รัฐบาลโตเกียวแถลงในวันศุกร์(14ก.พ.) ว่ามี 2 คนที่ไปร่วมงานปาร์ตีปีใหม่กับคนขับแท็กซี่รายดังกล่าว ติดเชื้อไวรัสเช่นกัน หนึ่งในนั้นติดเชื้อจากพวกนักท่องเที่ยวที่มาจากหูเป่ย มณฑลของประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งที่ไวรัสปรากฏตัว

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังรวมไปถึงคนขับแท็กซี่หญิงรายหนึ่งวัย 60 ปีเศษบนหมู่เกาะโอกินาวา โดยเชื่อว่าเธอน่าจะติดเชื้อจากพวกผู้โดยสารเรือไดมอนด์ ปรินเซส เมื่อครั้งที่มันแวะจอดเทียบท่าเรือโอกินาวา

ส่วนอีก 2 รายเป็นแพทย์ในจังหวัดวากายามาและคนไข้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเดียวกันที่แพทย์ทำงานอยู่ อย่างไรก็ตามพวกเจ้าหน้าที่ในจังหวัดยังไม่แน่ใจว่าแพทย์รายนี้ติดเชื้อมาจากผู้ป่วยหรือไม่

แม้มีข่าวผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลพยายามกลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสในญี่ปุ่น "มีหลักฐานทางระบาดวิทยาไม่เพียงพอที่จะบ่งชี้ว่าโรคระบาดนี้กำลังแพร่กระจายภายในญี่ปุ่น" โฆษกรัฐบาลระบุ "เราจะเดินหน้ารวบรวมข้อมูลระบาดวิทยาต่างๆ ในนั้นรวมถึงเส้นทางของการแพร่เชื้อ"

เรือไดมอน ปรินเซส จอดอยู่นอกชายฝั่งญี่ปุ่นนับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ หลังจากมีรายงานว่า ผู้โดยสารคนหนึ่งซึ่งขึ้นฝั่งในฮ่องกงเมื่อเดือนที่แล้วถูกตรวจพบเชื้อไวรัสที่ตอนนี้มีชื่อว่า COVID-19

ในมาตรการกักกันจะครบกำหนดในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พวกที่อยู่บนเรือเกือบทั้งหมดถูกกักอยู่แต่ภายในห้องของพวกเขา ถูกร้องขอให้สวมหน้ากากอนามัยและอยู่ห่างจากผู้โดยสารคนอื่นๆ โดยระหว่างนั้นจะอนุญาตให้ออกมาสูดอากาศบริเวณดาดฟ้าเรือช่วงสั้นๆ

พวกลูกเรือแสดงความกังวลต่อสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขา เนื่องด้วยต้องใช้ห้องโถงเรือ, ห้องน้ำและสถานที่ทำงานร่วมกัน ส่งผลให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัส

ในช่วงบ่ายวันศุกร์(14ก.พ.) พวกลูกเรือได้แจกมือถือไอโฟนแก่ผู้โดยสารบนเครื่อง โดยกัปตันบอกว่ารัฐบาลส่งมือถือเหล่านี้มาให้ ซึ่งภายในได้ติดตั้งแอปพลิเคชันหนึ่งที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงความช่วยเหลือทางการแพทย์