จี้สอบ"เฟซบุ๊กไทย"ทำตามพ.ร.บ.คุ้มครองบุคคลหรือไม่
กมธ.สื่อสารฯ ฮึ่ม ประชุมสัปดาห์หน้าหวังเห็นความร่วมมือแก้ปัญหาความรุนแรงผ่านโซเชียลมีเดียจากเฟซบุ๊ก ให้การบ้านล่วงหน้า เก็บข้อมูลคนไทยไว้ในประเทศหรือไม่ จะจดทะเบียนรับใบอนุญาตให้ถูกต้องตามก.ม.เมื่อไหร่
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมกรรมาธิการฯ ในสัปดาห์หน้าว่า ยังคงมีวาระการพิจารณาแนวทางและมาตรการป้องกันการใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์เหตุร้ายที่รุนแรง ที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์กราดยิงที่จ.นครราชสีมา โดยได้เชิญตัวแทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ตัวแทนจากสำนักการอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ และผู้บริหารจากบริษัท Facebook Thailand และทีมงานมาร่วมหารือ ซึ่งเป็นการประชุมที่เลื่อนมาจากครั้งที่แล้ว เนื่องจากตัวแทนบริษัท Facebook Thailand ไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ ดังนั้น การประชุมสัปดาห์หน้าตนหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากบริษัท Facebook Thailand ในการเข้ามาให้ข้อมูล
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า การเชิญตัวแทนบริษัท Facebook Thailand มาหารือนั้นถือว่ามีส่วนสำคัญ เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่มีสถิติคนไทยใช้บริการมากเป็นลำดับต้นๆ จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการให้ข้อมูลเพื่อนำมาช่วยกันคิดหาแนวทางแก้ไขและป้องกันเหตุการณ์รุนแรงในอนาคต ทั้งนี้ ก่อนที่จะถึงการประชุมในสัปดาห์หน้า ตนฝากคำถามไปถึงบริษัท Facebook Thailand ด้วยว่า การเก็บข้อมูลคนไทยนั้น เก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยหรือไม่ อย่างไร เนื่องจากหากเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยไว้ในเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ จะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 ที่จะมีเรื่องการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล การนำข้อมูลไปใช้ รวมทั้งการอนุญาตให้ข้อมูลไหลระหว่างประเทศ (Data Cross border flow) ด้วย
นอกจากนี้ จะมีนโยบายให้คนอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วยต้นทุนที่เป็นธรรมหรือไม่ รวมทั้งปัจจุบันมีความสามารถในการให้บริการคล้ายวิทยุ โทรทัศน์ และโทรคมนาคม (Broadcast and Telecom Like Service) แต่ไม่จดทะเบียนรับใบอนุญาต ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลไม่สามารถดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทยเหมือนผู้ให้บริการรายอื่นในประเทศไทย จะมีนโยบายขอใบอนุญาตเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายประเทศไทยหรือไม่ ควรเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายประเทศไทยด้วย ไม่อยากให้อาศัยช่องว่างทางกฎหมาย เพื่อประโยชน์ต่อธุรกิจของตัวเองเท่านั้น.