https://spcdn.springnews.co.th/wp-content/uploads/2020/02/16X9_columm2-1.jpg

“บิ๊กแดง” นับหนึ่ง ปฏิรูปกองทัพ บิ๊กโปรเจ็คที่ต้องส่งต่อ

นับหนึ่งปฏิรูปกองทัพ “บิ๊กแดง” ทิ้งทวนก่อนเกษียณ

น่าสนใจว่า การประกาศจัดระเบียบจัดระเบียบกองทัพใหม่ รวมถึงการล้างบางธุรกิจสีเขียวที่สั่งสมมานาน ของ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะทำได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน

ในเมื่อเหลือเวลานั่งบนเก้าอี้ใหญ่กองทัพบก อีกเพียง 7 เดือนกว่าๆ ขณะที่ข้อเท็จจริงที่ผู้คนทั่วไปพอจะรับรู้รับทราบกันอยู่บ้าง คือธุรกิจภายในค่ายทหารมีมากมายมหาศาล และที่ผ่านมา แทบจะเป็นแดนสนธยาของจริง ที่ระบบการตรวจสอบทำได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น

ยกตัวอย่างแค่ “งบลับ” แม้แต่กลไกระบบรัฐสภา ยังยื่นมือไปแตะต้องไม่ได้

ที่สำคัญผู้มีบารมีในแวดวงสีเขียว รวมถึงผู้จะเข้ามารับไม้ต่อ จะเห็นสอดคล้องหรือร่วมสนับสนุนสานต่อนโยบายที่ประกาศแค่ไหน ถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ

https://spcdn.springnews.co.th/wp-content/uploads/2020/02/c1dc02ec92546e94fe555f7215f0f5e8a_51738429_200214_0005-1024x684.jpg

แต่หากมองในเชิงบวก ข้อดีคือเป็นจุดเริ่มต้น เพราะกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การจะขยับขับเคลื่อนถึงขั้นปฏิรูปกองทัพ ย่อมต้องใช้เวลาอย่างน้อยเป็นสิบปี จึงจะเห็นเป็นรูปร่างและโครงสร้างที่ชัดเจน แต่การมีจุดเริ่มต้น ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

แค่ไฟเขียวให้มีการ “เชือด” นายทหารยศนายพัน 2 นาย ที่เกี่ยวพัน “อมเงิน” ลูกน้อง ย้ายไปเข้ากรุ ก็เป็นตัวอย่างแรกที่ยืนยันได้ว่า “เอาจริง” และยังมาเร็วกว่าที่ได้แถลงไว้ว่า “3 เดือนนับจากนี้ จะมีนายพลนายพันไม่มีงานทำ”

หากเป็นตามกำหนด 3 เดือนที่ว่า เท่ากับโยกย้ายกลางฤดูในเดือนเมษายนนี้ จะมีพิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมา หลีกเลี่ยงสถานการณ์ “เสียวสันหลัง” ไม่พ้น

https://spcdn.springnews.co.th/wp-content/uploads/2020/02/c1dc02ec92546e94fe555f7215f0f5e8a_51738429_200214_0009-1024x684.jpg

นอกจากแนวทางเลือกเฟ้นผู้บังคับบัญชาที่ต้องกระตือรือร้น ขวนขวายหาความรู้เพิ่มเติม ไม่ปล่อยตัวลงพุง เรื่องเปิดคอลเซ็นเตอร์ เปิดช่องให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและชั้นผู้น้อยทั่วไป ได้มีโอกาสร้องเรียน ซึ่งถือเป็นการทลายกำแพงที่เคยขวางกั้นระหว่างผู้บังคับบัญชา กับผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว การยึดแนวทางความโปร่งใสเรื่องอื่นๆ ภายในอาณาจักรสีเขียว ถือเป็นที่มาของเสียงสรรเสริญและชื่มชม หากสามารถทำได้จริง

ทั้งเรื่องสวัสดิการเงินกู้ของทหาร สำหรับโครงการจัดสรรที่ดินหรือบ้านพร้อมที่ดินให้กับทหารชั้นผู้น้อย ที่มีเรื่อง “เงินทอน” ชนวนเหตุของปฏิบัติการสังหารโหดที่นครราชสีมา เรื่องคืนเงินรายได้ในโครงการนำที่ดินราชพัสดุของกรมธนารักษ์ มาจัดสรรทำบ้านพักสวัสดิการให้ทหาร คืนกลับไปเป็นรายได้เข้ากระทรวงการคลัง

หรือแม้แต่เรื่องใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั้งบางขณะนี้ คือให้ทหารที่เกษียณอายุแล้ว แต่ยังยึดบ้านหลวงเป็นของตัวเองไม่ยอมคืน ซึ่งสะเทือนไปถึงระดับ “บิ๊กสีเขียว” จำนวนมากที่อยู่ในข่ายนี้ กระทั่งกูรูทางการเมืองฟันธงเป็นไปไม่ได้ และโดนตอกย้ำมากขึ้น เมื่อมีการแยกแยะเป็น 2 กลุ่ม ระหว่างยังทำประโยชน์ให้ประเทศ กับกลุ่มที่ไม่ได้ทำ

เท่ากับเป็น 2 มาตรฐานอยู่เช่นเดิม  แม้จะพยายามหาเหตุผลเรื่องทำประโยชน์ต่อประทศชาติมาเป็นข้ออ้างก็ตาม

หากยังเป็นไปตามนี้ โอกาสที่จะเห็น “บ้านหลวง” เพียงพอต่อกำลังพลอย่างที่ “บิ๊กแดง” แถลง ก็ต้องร้องเพลง “รอ” ต่อไป

https://spcdn.springnews.co.th/wp-content/uploads/2020/02/c1dc02ec92546e94fe555f7215f0f5e8a_51738429_200214_0003-1024x684.jpg

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการจัดระเบียบและความโปร่งในธุรกิจของกองทัพ ซึ่งแทบไม่มีใครรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงว่า มีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสนามมวยลุมพินี สนามม้า (รวมต่างจังหวัด) โรงแรมและสถานพักผ่อนสวนสนประดิพัทธ์ ที่หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ สนามกอล์ฟของกองทัพบก

ธุรกิจของกองทัพเหล่านี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยวิพากษ์นอกสภาฯ และจัดไว้ในหมวด “รายได้นอกงบประมาณ”

นายธนาธร ยังขยายผลไปถึงรายได้ส่วนอื่นๆ ของกองทัพ อาทิ สัญญาสัมปทานสถานีโทรทัศน์ 2 ช่องหลัก เงินสัมปทานสถานีวิทยุเกือบ 200 สถานี รวมถึงค่าเช่าโครงข่ายภาคพื้นดิน หรือ มักซ์ รวมแล้วเกือบ 2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ พรรคอนาคตใหม่ ประกาศนโยบายชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าจะปฏิรูปกองทัพ ลดขนาดและลดงบประมาณ รวมกระทั่งยกเลิกเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่ยังไม่เริ่มรณรงค์หาเสียง

การประกาศปฏิรูปกองทัพ จัดระเบียบ ล้างบางและสร้างความโปร่งใส ของธุรกิจในรั้วสีเขียว หากมองในอีกด้านหนึ่ง ก็ถือเป็นการตัดหน้าชิงลงมือทำก่อน เพื่อไม่ให้กองทัพถูกนักการเมืองบี้ละเลงไปมากกว่านี้

https://spcdn.springnews.co.th/wp-content/uploads/2020/02/317863-1-1024x683.jpg

อย่างที่เกริ่นไว้ตอนต้น การจะปรับเปลี่ยนองค์กรใหญ่ที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญ และอยู่กับความมั่นคงของประเทศมายาวนานอย่างกองทัพ คงไม่สามารถทำได้แล้วเสร็จในเวลาอันสั้น

แต่การมีจุดเริ่มต้น ถือเป็นสัญญาณอันดีของการพัฒนาเปลี่ยนแปลง และไม่แน่นัก เราอาจได้เห็นบทบาทใหม่ของ “บิ๊กแดง” ในอนาคตที่ไม่ไกลนัก อาสาตัวเพื่อผลักดันการปฏิรูปกองทัพให้สัมฤทธิ์ผลในทางปฏิบัติก็เป็นได้

จับตาติดตามกันต่อไป