เบร็กซิท : ช่วงเปลี่ยนผ่าน คืออะไรและจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
by kknd, khaosodเบร็กซิท : ช่วงเปลี่ยนผ่าน คืออะไรและจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง – BBCไทย
หลังเป็นสมาชิกมา 47 ปี สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างเป็นทางการในเวลา 23.00 น. ตามเวลาในสหราชอาณาจักร หรือเวลา 24.00 น. ตามเวลาในกรุงบรัสเซลส์ ของวันที่ 31 ม.ค.นี้
โดยหลังจากวันนี้ สหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ “ช่วงเปลี่ยนผ่าน” (transition period) แต่ช่วงเวลานี้หมายความว่าอย่างไรและจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง บีบีซีมีคำอธิบาย
ช่วงเปลี่ยนผ่านคืออะไร
ช่วงเปลี่ยนผ่านจะดำเนินไปถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2020
ในช่วงนี้ สหราชอาณาจักรจะยังคงอยู่ในสหภาพศุลกากรอียู และเขตตลาดเดียวของอียู นั่นหมายถึงการที่กฎระเบียบส่วนใหญ่จะยังคงเป็นเช่นเดิมจนกว่าช่วงเปลี่ยนผ่านจะสิ้นสุดลง ซึ่งรวมถึงเรื่องต่อไปนี้ :
- การเดินทางเข้า-ออกจากอียู (รวมถึงกฎระเบียบว่าด้วยใบอนุญาตขับขี่ และหนังสือเดินทางสัตว์เลี้ยง)
- เสรีภาพในการเดินทาง (สิทธิในการอยู่อาศัยและทำงานในอียูของพลเมืองสหราชอาณาจักร และสิทธิในการอยู่อาศัยและทำงานในสหราชอาณาจักรของพลเมืองอียู)
- การค้าระหว่างสหราชอาณาจักร-อียู จะดำเนินต่อไปโดยไม่มีค่าธรรมเนียมพิเศษ หรือการตรวจสอบด้านศุลกากร
เมื่อช่วงการเปลี่ยนผ่านเริ่มต้นขึ้น สหราชอาณาจักรจะสูญเสียสมาชิกภาพของตนในสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ ของอียู เช่น รัฐสภายุโรป และคณะกรรมาธิการยุโรป
ดังนั้น ในขณะที่สหราชอาณาจักรจะไม่มีสิทธิ์ลงมติออกเสียงใด ๆ ในสถาบันทางการเมืองของอียู แต่ก็ยังจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของอียูต่อไป และศาลยุติธรรมสหภาพยุโรปจะมีสิทธิ์ชี้ขาดในข้อพิพาททางกฎหมายต่าง ๆ
นอกจากนี้ พลเมืองสหราชอาณาจักรจะพ้นจากการเป็นพลเมืองยุโรปด้วย
การเปลี่ยนผ่านยังหมายความว่าสหราชอาณาจักรจะยังคงจ่ายเงินสมทบให้อียูต่อไป
- รัฐสภายุโรปลงมติอนุมัติเงื่อนไขให้สหราชอาณาจักรออกจากอียู 31 ม.ค.
- ประชาธิปไตย กษัตริย์ และความโกลาหลของเบร็กซิท
- ควีนอังกฤษ : อำนาจและพระราชทรัพย์ในพระองค์
เหตุใดจึงมีความจำเป็นต้องมีช่วงเปลี่ยนผ่าน
แนวคิดเรื่องช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้เพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคต และข้อตกลงใหม่ระหว่างสหราชอาณาจักรและอียู หลังจากวันที่สหราชอาณาจักรถอนตัวออกไปในวันที่ 31 ม.ค.นี้
ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายได้กำหนดกรอบเป้าหมายคร่าว ๆ เรื่องนี้ไว้แล้วในคำประกาศทางการเมืองที่มีเนื้อหา 27 หน้า
มีอะไรบ้างที่ต้องจัดการให้เสร็จลุล่วงในช่วงนี้
สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีสหราชอาณาจักร-อียู หากสหราชอาณาจักรยังคงต้องการทำการค้ากับอียูต่อไปโดยไร้ภาษีศุลกากร, โควตา หรืออุปสรรคทางการค้าอื่น ๆ หลังผ่านพ้นช่วงการเปลี่ยนผ่านไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการค้าเสรีจะไม่ขจัดการตรวจสอบด้านศุลกากรระหว่างอียูกับสหราชอาณาจักรออกไป ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจจึงต้องเตรียมพร้อมรับมือในเรื่องนี้
ในปี 2018 การค้าของสหราชอาณาจักร (สินค้าและบริการ) มีมูลค่าทั้งสิ้น 1.3 ล้านล้านปอนด์ ซึ่งในจำนวนนี้ 49% เป็นการค้ากับอียู
นอกจากนี้ ช่วงการเปลี่ยนผ่านยังเป็นโอกาสที่สหราชอาณาจักรจะได้เปิดการเจรจาการค้าอย่างเป็นทางการกับประเทศอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ซึ่งหากการเจรจาสำเร็จลุล่วงทันเวลา ข้อตกลงการค้าเหล่านี้ก็จะมีผลบังคับใช้เมื่อช่วงการเปลี่ยนผ่านสิ้นสุดลง
ฝ่ายสนับสนุนเบร็กซิทกล่าวอ้างมานานว่า การให้อิสระสหราชอาณาจักรได้กำหนดนโยบายการค้าของตนเองได้นั้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แม้นักวิจารณ์คนอื่น ๆ จะระบุว่าการคงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอียูมีความสำคัญกว่า
นอกจากเรื่องการค้า อียูและสหราชอาณาจักรยังต้องตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ในด้านอื่น ๆ ในอนคตด้วย เช่น
- การบังคับใช้กฎหมาย การแบ่งปันข้อมูล และความร่วมมือด้านความมั่นคง
- มาตรฐานและความปลอดภัยด้านการบิน
- การเข้าใช้น่านน้ำเพื่อการประมง
- การจัดหาไฟฟ้าและก๊าซ
- การออกใบอนุญาตและระเบียบข้อบังคับทางการแพทย์
สหราชอาณาจักรจะต้องกำหนดและจัดเตรียมระบบใหม่หลายอย่าง เช่น วิธีจัดการคนเข้าเมืองเมื่อเสรีภาพในการเดินทางระหว่างสองฝ่ายสิ้นสุดลง
เบร็กซิทจะเป็นอย่างไรภายหลังช่วงเปลี่ยนผ่าน
ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้มี 3 รูปการด้วยกัน คือ
ข้อตกลงการค้าสหราชอาณาจักร-อียู มีผลบังคับใช้
หากข้อตกลงการค้าระหว่างสองฝ่ายเสร็จสมบูรณ์ภายในสิ้นปีนี้ สหราชอาณาจักรก็อาจเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการค้ารูปแบบใหม่กับอียูได้เมื่อช่วงเปลี่ยนผ่านสิ้นสุดลง
หากสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ แต่ยังมีประเด็นที่ยังตกลงกันไม่ได้ในด้านอื่น เช่น ความร่วมมือด้านความมั่นคงในอนาคต ข้อตกลงการค้าก็ยังจะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ อย่างไรก็ตาม อาจมีการใช้แผนการสำรองในประเด็นอื่น ๆ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างสองฝ่าย
สหราชอาณาจักรออกจากช่วงเปลี่ยนผ่านโดยไร้ข้อตกลงกับอียู
ในรูปการนี้ สหราชอาณาจักรและอียูไม่สามารถบรรลุการเจรจาและบังคับใช้ข้อตกลงการค้าได้ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2021 อีกทั้งไม่มีการทำข้อตกลงขยายช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านออกไปอีก
นี่หมายความว่า สหราชอาณาจักรจะต้องทำการค้ากับอียูภายใต้เงื่อนไขขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งจะทำให้สินค้าส่วนใหญ่ของสหราชอาณาจักรจะต้องถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรจนกว่าจะมีการนำข้อตกลงการค้าเสรีมาใช้
หากทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องความสัมพันธ์ด้านอื่น ๆ ประเด็นเหล่านี้ก็จะต้องดำเนินการไปตามเงื่อนไขแบบไร้ข้อตกลง
มีการขยายช่วงเปลี่ยนผ่านในขณะที่การเจรจายังคงดำเนินต่อไป
หากสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าแต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในขั้นสุดท้าย นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ก็อาจตัดสินใจขอขยายกรอบเวลาการเปลี่ยนผ่านออกไป (ได้นานเท่าที่อียูเห็นชอบ)
ภายใต้เงื่อนไขข้อตกลงถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Withdrawal Agreement) จะสามารถขยายช่วงเปลี่ยนผ่านไปได้ 12 หรือ 24 เดือน แต่หากสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เร็วกว่านั้น ช่วงเปลี่ยนผ่านก็จะสิ้นสุดลงได้เร็วขึ้นเช่นกัน
ข้อตกลงถอนตัวออกจากสหภาพยุโรประบุว่า ทั้งสองฝ่ายจะต้องเห็นพ้องเรื่องการขยายช่วงเปลี่ยนผ่านภายในวันที่ 1 ก.ค. 2020
อย่างไรก็ตาม รูปการนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะกฎหมายที่ผ่านสภา จะไม่อนุญาตให้ขยายช่วงเปลี่ยนผ่านออกไป และนายกรัฐมนตรีจอห์นสันก็เคยประกาศว่าจะไม่อนุมัติเรื่องนี้
แม้นายจอห์นสันได้ให้คำมั่นว่าจะ “ทำเบร็กซิทให้ลุล่วง” ภายในวันที่ 31 ม.ค. 2020 แต่ยังคงมีการเจรจากับอียูที่ยืดเยื้ออีกหลายเดือนรอเขาอยู่ข้างหน้า