"บิ๊กโจ๊ก" โดนอีก ศาลรับฟ้อง คดีเบิกความเท็จ กล่าวหา ตร.ภาค 9 หนีคดีไปลาว
ศาลอาญา มีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดีหมายเลขดำที่ 2699/2552 ที่ พ.ต.อ.กฤษณะพงศ์ กัญจน์ชัยกิจ ผู้กำกับ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.จชต.) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐาน ฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ
จากกรณี เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2554 จำเลยกระทำผิดอาญาโดยเจตนานำคดีอาญามาฟ้องโจทก์อันเป็นเท็จต่อศาลอาญา ในข้อหาหรือฐานความผิด ร่วมกันก่อ , ใช้ สั่งการ ก่อ ใช้ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
โดยจำเลยได้บรรยายฟ้องกล่าวหาโจทก์ว่า โจทก์กับพวก 12 คน (โจทก์เป็นจำเลยที่ 11)ได้ร่วมกัน สมคบกัน สั่งการ ก่อ ใช้ ขู่เข็ญ จ้างวาน หรือยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใด ได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมาย เรียกรับเงินส่วยจากร้านคาราโอเกะ เเละซ่อนเร้นและให้ความช่วยเหลือ นาย เขตสยาม เนาวรังสี จำเลยตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนม ในช่วงที่ศาลจังหวัดนครพนมได้ออกหมายจับเป็นเหตุ ยังมีการพูดจาใส่ร้ายโจทก์ ต่อบุคคลที่สาม โดยได้บอกแก่ นายเขตสยาม เนาวรังสี ว่าจะถูกโจทก์อุ้มไปฆ่าจากการให้ข้อมูลกล่าวหาโจทก์ อันเป็นหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกหวาดกลัว ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง มองโจทก์เป็นคนไม่ดี เป็นคนชั่ว
ต่อมาเมื่อ 29 มี.ค.คดีอาญาหมายเลขดำที่ อ. 2826/2554 ศาลอาญาได้มีคำสั่งว่าฟ้องของโจทก์ในคดีที่จำเลยฟ้องโจทก์ข้อหาความผิดข้อหาหรือฐานความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบ ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ และข้อหาหมิ่นประมาทจำเลยนั้นฟังไม่ได้ว่าโจทก์จะได้กระทำความผิดตามที่จำเลยระบุในฟ้อง ฟ้องโจทก์กรณีดังกล่าวจึงไม่มีมูล
ขณะที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์กับพวก และคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์ไม่ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตามกฎหมาย เนื่องจากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีเอง
โดยภายหลังไต่สวนมูลฟ้องเเล้ว ศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้อง เเล้วนัดพร้อมสอบคำให้การในวันที่ 30 มี.ค. เวลา 13.30 น.