https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20191209/news_EkifJjEthq154142_533.jpg?v=20191210126

ฝุ่นพิษพุ่ง4เขต ยอดผู้ป่วยนับหมื่น ติดเชื้อระบบหายใจ!

ฝุ่นพิษพุ่งขึ้น 4 เขต สำนักการแพทย์ กทม.เผยยอดกลุ่มเสี่ยง ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัด กทม.ทั้ง 11 แห่งแล้วรวม 10,724 คน ส่วนใหญ่เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจ

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.  กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยสรุปผลการตรวจวัด PM2.5  เวลา 05.00-07.00 น. ตรวจวัดได้ 33-56 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ย 43 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและมีค่าเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 4 เขต ได้แก่  เขตภาษีเจริญ เขตบางเขน เขตบางซื่อ และเขตหลักสี่

สำหรับพื้นที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน เขตได้ดำเนินการดังนี้ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยสยาม (ประมาณซอยเพชรเกษม 36) เขตภาษีเจริญ ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตรวจวัดได้ 56 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตดำเนินการตั้งจุดตรวจจับรถยนต์ควันดำ  และรณรงค์ขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันลดฝุ่นละอองพร้อมทั้งล้างทำความสะอาดถนน เพื่อลดฝุ่นละออง  

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20191209/news_oRlUynOlkS154141_533.jpg?v=20191210126?v=4840

ภายในสำนักงานเขตบางเขนเขตบางเขน ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตรวจวัดได้ 53 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตดำเนินการรณรงค์การป้องกันการเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ในสถานประกอบการผลิตภัณฑ์คอนกรีตและวัดที่มีเตาเผาศพ

ภายในสำนักงานเขตบางซื่อเขตบางซื่อ ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตรวจวัดได้ 52  ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เขตดำเนินการล้างถนลดฝุ่นละอองในอากาศ ตั้งแต่เชิงสะพานพิบูลสงคราถึงแยกประชาราษฎร์ ถนนประชาราษฎร์ สาย 1

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20191209/news_AedudSlWSh154141_533.jpg?v=20191210126?v=2806

ภายในสำนักงานเขตหลักสี่ ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ตรวจวัดได้ 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร  เขตดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศบนอาคารเพื่อดักจับฝุ่นละออง และล้างทำความสะอาดบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อแก้ปัญหาลดค่าฝุ่นละอองในอากาศ และเพื่อให้เกิดความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย

จากรายงานของสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาหลังกรุงเทพมหานครเผชิญปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 มีสถิติผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัด กทม.ทั้ง 11 แห่งแล้ว รวม 10,724 คน แบ่งเป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจ จำนวน 3,760 คน โรคภูมิแพ้จมูก 1,961 คน โรคปอดอักเสบ 396 คน โรคผื่นคันผิวหนัง จำนวน 1,981 คน โรคเยื่อบุตาอักเสบจำนวน 526 คนโรคหอบหืด จำนวน 1,390 คน โรคปอดชนิดเรื้อรัง จำนวน 602 คน โรคหัวใจขาดเลือดหริอโรคหลอดเลืดหัวใจตีบ จำนวน 106 คน

https://www.dailynews.co.th/admin/upload/20191209/news_PFJurpSoPj154142_533.jpg?v=20191210126?v=3821

ทางสำนักการแพทย์ ได้แนะนำให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงควรดูแลตัวเองให้มากขึ้นรวมถึงประชาชน ด้วยการเตรียมยาประจำตัว ควรลดระยะเวลาออกกำลังกาย หรือควรออกวิ่งในช่วงเช้าและออกวิ่งในพื้นที่สีเขียว หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ควรทำความสะอาดบ้านเป็นประจำไม่ให้มีฝุ่น แลควรสวมผ้าปิดจมูกหรือหน้ากากป้องกันฝุ่น ส่วนผู้ที่ทำงานในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสูงซึ่งเป็นพื้นที่กลางแจ้ง เช่น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง, วิศวกร,กรรมกรก่อสร้าง,พนักงานกวาดถนน,พนักงานรักษาความปลอดภัย ผู้ค้าขายกลางแจ้ง พนักงานขับรถ/พนักงานเก็บเงินรถบริการ/รถประจำทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เป็นต้น ควรสวมหน้ากากป้องกันทางเดินหายใจที่เหมาะสมในการทำงานทุกครั้ง รวมถึงรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ จะสามารถช่วยกำจัดสารพิษได้ รวมทั้งอาหารที่มีวิตามินอีและซี