'สมบัติ'รอดศาลยกคำร้องขอให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คำขอให้ทรัพย์ “สมบัติ อุทัยสาง”อดีต รมช.มหาดไทย ตกเป็นของแผ่นดิน ชี้ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจไต่สวนคดีหลังพ้นตำแหน่ง 2 ปี
เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม. 209/ 2561 ที่อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของ นายสมบัติ อุทัยสาง อดีต รมช.มหาดไทย ผู้ถูกกล่าวหา ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และนางสุจิวรรณ อุทัยสาง กับพวกรวม 4 คน เป็นผู้คัดค้าน ตกเป็นของแผ่นดิน
ศาลฎีกาฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า คดีนี้ทรัพย์สินที่เป็นมูลเหตุของการร่ำรวยผิดปกติคือ เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาคอนแวนต์ 3 บัญชี และเงินฝากธ.อาคารสงเคราะห์ สาขาพุทธมณฑล 5 บัญชี มีการนำฝากระหว่างวันที่ 12 มี.ค.40 - 18 ต.ค.43 เป็นช่วงระยะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย แต่ระหว่างนั้นไม่ปรากฏว่า มีบุคคลใดกล่าวหาผู้ถูกกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือตำแหน่งประธานกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยไปเกิน 2 ปี ตามพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 75 บัญญัติไว้กรณีที่จะมีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดร่ำรวยผิดปกตินั้น จะต้องมีการกล่าวหาต่อคณะกรรมการป.ป.ช.เสียก่อน และการกล่าวหาดังกล่าวจะต้องกระทำในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือพ้นจากการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เกิน 2 ปีเท่านั้น ย่อมมีผลทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะรับพิจารณากรณีผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรง 2 ตำแหน่งดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ต่อมาจะมีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ไม่มีบทบัญญัติใดให้นำมาตรา 66 และมาตรา 75 ที่แก้ไขใหม่มาใช้บังคับกับคดีที่พ้นกำหนดเวลาที่คณะกรรมการป.ป.ช.จะรับพิจารณาไต่สวนไปแล้ว คณะกรรมการป.ป.ช.จึงไม่มีอำนาจไต่สวนกรณีดังกล่าวอีก ประกอบกับคณะกรรมการป.ป.ช. มีคำสั่งที่ 23/ 2552 ลงวันที่ 14 ม.ค.2552 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ก็เป็นกรณีที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้มาเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เท่านั้น คณะกรรมการป.ป.ช.ไม่มีอำนาจที่จะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยอ้างอิงตำแหน่งทั้งสองนี้ เพื่อเป็นเหตุทำให้เกิดอำนาจไต่สวนย้อนหลังไปถึงทรัพย์สินที่ได้มาเมื่อล่วงพ้นกำหนดเวลาไต่สวนแล้ว ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้สั่งให้เงินฝากดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินได้พิพากษายกคำร้อง